ห่วงไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อมนานขึ้นในฤดูหนาว

กรุงเทพฯ 25พ.ย.-ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา เผยฤดูหนาวอากาศเย็นชื้นไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น พบโรค RSV และโรคหวัดมีผู้ป่วย เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนคนไทยเริ่มการ์ดตก ห่วงแยกอาการจากโรคโควิด 19 ได้ยาก ขอคนไทยยังสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง

วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ในฤดูหนาวและข้อแตกต่างจากโรคติดเชื้อทาเงดินหายใจอื่น ว่า การต่อสู้กับโรคโควิด-19 เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอนในระยะยาว ซึ่งขณะนี้โรคโควิด-19 ระบาดใกล้ครบ 1 ปีแล้ว ประเทศไทยพยายามใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรค หากเปรียบเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่สเปน ถือว่ายังไม่ถึงครึ่งทาง คาดว่าอีก 1-2 ปี โรคถึงจะสงบลง ดังนั้น ยังคงต้องใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่หรือ New Normal ไปอีกไม่น้อยกว่า 1 ปี ที่ยังต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง จึงขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งการ์ดตก


“ในปี 2564 ประเทศไทยจะยังอยู่กับโรคโควิด- 19 แม้อาจเบาบางลง แต่ยังไม่ถึงกับสงบ การที่โรคโควิด- 19 จะสงบลง จะต้องมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยร้อยละ 60 ของประชากร แต่เราไม่สามารถปล่อยให้โรคสงบลงโดยมีผู้เสียชีวิตในอัตราร้อยละ 1 ของประชากร เหมือนสมัยโรคไข้หวัดใหญ่สเปนได้ ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยมีประชากร 8 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 8 หมื่นคน ปัจจุบันเรามีประชากร 70 ล้านคน หากต้องเสียชีวิตถึง 7 แสนคนแล้วโรคสงบลง จึงเป็นตัวเลขที่เรายอมรับไม่ได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนยังต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด เพื่อเอาชนะโรคนี้ หรืออีกแนวทางหนึ่งคือการทำให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 60 ของประชากรเช่นกัน คือประมาณ 40 ล้านคน ทำให้ต้องใช้วัคซีนไม่น้อยกว่า 80 ล้านโดส ในกรณีมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามีประสิทธิภาพ 70-90 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องฉีดให้ประชากรมากกว่าร้อยละ 60 อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ได้รับวัคซีนทุกคนภายในปีหน้า” ศ.นพ.ยง กล่าว

ศ.นพ.ยง กล่าวว่า การทำให้ไวรัสนี้หมดไปจากโลกยังเป็นเรื่องยากเช่นกัน เนื่องจากแพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ แต่หากควบคุมให้โรคสงบลงได้ ก็จะเปลี่ยนเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาตามฤดูกาล แต่ที่ต้องระวัง คือ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และความดัน ที่การติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรง สำหรับช่วงฤดูหนาว ไวรัสจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น โดยอุณหภูมิติดลบ 70 องศาเซลเซียส สามารถอยู่ได้ตลอดไป ติดลบ 20 องศาเซลเซียสอาจอยู่ได้เป็นปี 0 องศาเซลเซียสอยู่ได้หลายเดือน เรียกว่าอุณหภูมิสูงขึ้นอายุไวรัสจะยิ่งสั้นลง แต่ประเทศไทยไม่ได้มีอากาศหนาวเย็นแบบซีกโลกเหนือและอากาศหนาวก็อยู่ไม่นาน สมมติประเทศไทยมีอากาศหนาวประมาณ 4 องศาเซลเซียส ถามว่าไวรัสจะอยู่ได้กี่วัน คงไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องความชื้น สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมอย่างอื่นด้วย แต่ประมาณได้ว่าอยู่ได้เป็นวันๆ สิ่งสำคัญคือ การทำความสะอาด และล้างมือบ่อยๆ ดังนั้น ประเทศไทยโรคทางเดินหายใจส่วนใหญ่จึงระบาดในฤดูฝนมากกว่า แต่ฤดูหนาวก็ยังระบาดได้ง่ายกว่าฤดูร้อนเช่นกัน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ จึงเป็นอีกช่วงที่มีการระบาดของโรคทางเดินหายใจสูง และทำให้แยกอาการจากโรคโควิด -19 ได้ยาก หากไม่ตรวจทางห้องปฏิบัติการ


ทั้งนี้ โรคทางเดินหายใจที่พบมากในฤดูหนาว มี 3 โรคได้แก่ โรค RSV โรคไข้หวัดจากเชื้อไรโนไวรัส และโรคไข้หวัดใหญ่ ทั้งนี้ โรค RSV พบว่าระบาดช้าลงจากเดิมพบในฤดูฝน แต่ปีนี้พบการระบาดช่วงกันยายนเป็นต้นมา นับตั้งแต่เปิดเทอมช่วงสิงหาคม และเริ่มเจอโรคหวัดเพิ่มมากขึ้นในทุกกลุ่มอายุ สะท้อนว่า เราเริ่มการ์ดตก สวมหน้ากากน้อยลง เว้นระยะห่างน้อยลง จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันมากขึ้น

ศ.นพ.ยง กล่าวว่า สำหรับการทำพลาสมาที่มีภูมิต้านทานระดับสูง ซึ่งได้จากการบริจาคของผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด 19 เพื่อนำมารักษาผู้ป่วยนั้น ขณะนี้มีการบริจาคมากกว่า 400 หน่วยแล้ว โดยมีอายุประมาณ 1 ปี ล่าสุดมีการนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่อยู่ในสถานกักกันที่รัฐกำหนดและตรวจพบเชื้อ โดยมีโรคปอดบวมค่อนข้างรุนแรง โดยให้ 2 ครั้งห่างกัน 3 วัน ขณะนี้ผ่านมาแล้วประมาณ 10 วัน ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น นอกจากนี้ ยังนำพลาสมาจำนวนครึ่งหนึ่งมาทำเป็นเซรุ่มได้ประมาณ 600 ขวด ขวดละ 2 มิลลิลิตร ซึ่งมีความเข้มข้นอย่างมาก เก็บได้นานถึง 3 ปี ซึ่งในอนาคตหากประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยโควิด 19 พลาสมาที่เหลือจะนำมาทำเป็นเซรุ่มต่อไป เพื่อนำมาใช้เมื่อยามจำเป็น .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา

ไทยรับคำเชิญ “อันวาร์” ถกปัญหาชายแดน “ภูมิธรรม” นำทีมไทยแลนด์เจรจา

ทำเนียบรัฐบาล 27 ก.ค. – รัฐบาลยืนยัน “อันวาร์” ประธานอาเซียน เชิญผู้นำไทยถกปัญหาไทย-กัมพูชา “ภูมิธรรม” นำทีมไทยแลนด์เจรจา ย้ำไม่มีการเจรจาเรื่องแผนที่ ยืนยันการรักษาอธิปไตยของประเทศแม้ตารางนิ้วเดียวก็ให้ใครไม่ได้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้รับคำเชิญจากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ในฐานะประธานอาเชียน ให้เดินทางไปร่วมหารือ แนวทางสันติภาพในภูมิภาคนี้ ในวันพรุ่งนี้ (จันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568) ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยคณะจะออกเดินทางจากกองทัพอากาศเวลาประมาณ 10.30น และเข้าหารือ เวลา 15.00 น.ตามเวลาประเทศมาเลเซีย คณะของทีมไทยแลนด์นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและตนในฐานะกรรมการ ศบ.ทก. ทั้งนี้ ได้รับแจ้งว่า […]

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]