ลอนดอน 22 ก.ค. – แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ สัญชาติอังกฤษ-สวีเดน เปิดเผยแผนการลงทุนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อขยายขีดความสามารถด้านการผลิตและวิจัยในสหรัฐอเมริกา ภายในปี 2573 โดยแถลงการณ์ดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ล่าสุดของแอสตราเซเนกา เพื่อรับมือกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ การลงทุนครั้งนี้จะครอบคลุมการก่อสร้างโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ในรัฐเวอร์จิเนีย รวมถึงการขยายการวิจัยและพัฒนา หรือ อาร์แอนด์ดี (R&D) และการผลิตเซลล์บำบัดในรัฐแมริแลนด์ แมสซาชูเซตส์ แคลิฟอร์เนีย อินดีแอนา และเท็กซัส นอกจากนี้ ยังจะปรับปรุงเครือข่ายการจัดหายาสำหรับการทดลองทางคลินิกในสหรัฐและสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องในยาใหม่ๆ แอสตราเซเนการะบุว่าการขยายธุรกิจในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการสร้างรายได้ต่อปีให้ถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 โดยมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งมาจากสหรัฐ ในปี 2567 รายได้รวมของแอสตราเซเนกามากกว่าร้อยละ 40 เป็นรายได้ที่มาจากในสหรัฐและทางบริษัทให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าสูงถึง 6.35 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนที่นายทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี การเคลื่อนไหวเพื่อขยายธุรกิจในสหรัฐของแอสตราเซเนกา ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของบริษัทยา เพื่อรับมือกับนโยบายของทรัมป์ที่ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอุตสาหกรรมยา และต้องการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ โดยที่ผ่านมา […]