เตรียมเอาพลาสมาคนติดเชื้อโควิดไปทำเซรุ่ม

สำนักข่าวไทย 25 พ.ย.- “หมอยง” เผยเตรียมเอาพลาสมา คนติดเชื้อโควิด-19 ไปทำเซรุ่มไว้มาใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในอนาคต หลังอายุการใช้งานพลาสมามีแค่ 1 ปี แต่หากทำเซรุ่มเก็บได้นาน 3 ปี


ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า จากกรณีที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เก็บพลาสมาผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยและรักษาหายแล้ว มีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 มากกว่า 400 ถุง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้น แต่ที่ผ่านมาด้วยความที่กระทรวงสาธารณสุขและประชาชนร่วมมือกันอย่างดีทำให้ไม่มีการระบาดของโควิด-19 ในไทย จึงไม่ได้มีการใช้พลาสมาที่เก็บไว้

อย่างไรก็ตามเมื่อราวๆ10 วันที่ผ่านมา ได้มีการนำพลาสมาไปรักษาผู้ป่วย 1 คน ในAlternative state quarantine ที่มีภาวะปอดบวมรุนแรง เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีอาการปอดบวมรุนแรง มีค่าออกซิเจนในเลือดจะต่ำ จำเป็นต้องให้ออกซิเจนในระดับสูง แต่หลังจากให้พลาสมาทันทีที่เข้า รพ. และให้ 2 ครั้ง ล่าสุดผู้ป่วยอาการดีขึ้น สามารถลดค่าออกซิเจนที่ให้ได้ ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ป่วยรายนี้ได้อานิสงส์จากการให้พลาสมาค่อนข้างเร็ว


ศ.นพ.ยง กล่าวว่า นอกจากนี้สถานบริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยได้เอาพลาสมาที่มีภูมิต้านทานโควิด-19 ในระดับสูงไปสกัดทำเป็นเซรุ่มเพื่อใช้ในการป้องกัน และรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ขณะนี้แบ่งพลาสมาครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่มาทำเซรุ่มได้ได้จำนวนทั้งหมดมากกว่า 600 ขวด ขวดละ 2 ซีซี เพื่อสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น โดยสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 ปี แต่หากเป็นพลาสมาจะเก็บไว้ได้นาน 1 ปี ดังนั้นส่วนที่ยังเหลืออยู่หากไม่ได้มีการเอามาใช้ก็จะนำมาสกัดเป็นเซรุ่ม ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกหรือไม่ที่มีการนำเอาพลาสมามาทำเป็นเซรุ่มสำหรับป้องกัน รักษาโควิด-19

ศ.นพ.ยง กล่าวถึงความหวังการมีวัคซีนป้องกนโควิด-19ใช้ในไทย ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีมีแสงสว่าง เพราะมีอย่างน้อย 13 บริษัทที่อยู่ในขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 3 โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2563 กว่าครึ่งหนึ่งในจำนวน 13 บริษัทนี้จะประกาศความสำเร็จของการทดลองและคาดว่าภายในไตรมาส 2 ของปี 2564 จะมีวัคซีนใช้และอาจจะมีการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยแล้ว ซึ่งนอกเหนือจาก 4 บริษัทที่มีการประกาศผลการทดลองมาก่อนหน้านี้ ก็ยังพบว่าล่าสุดมีบริษัทของประเทศจีนที่มีไม่น้อยกว่า 4 ตำรับอยู่ในขั้นการทดลองในมนุษย์ที่คาดว่าจะสำเร็จเช่นกัน ดังนั้นไทยจะต้องผูกสัมพันธ์กับทุกบริษัท ทุกประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดเพื่อให้โอกาสในการเข้าถึงวัคซีนของคนไทยเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตามในจำนวนที่กล่าวมานี้ ไม่นับรวมกับวัคซีนที่ไทยไปร่วมมือทำข้อตกลงด้วย ซึ่งในส่วนนั้นอาจจะได้มาในไตรมาส 3 ของปี 2564 หรือหมายถึงผลิตได้หลังมิถุนายนเป็นต้นไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง