สธ.17พ.ย.-ปลัด สธ.เผยแต่ละปีทั่วโลกป่วยโรคติดเชื้อที่มากับอาหารถึง 600 ล้านคน เสียชีวิต 4.2แสนคน เดินหน้าร่วม 40 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกวางระบบติดตามความปลอดภัยอาหารนำเข้าและส่งออกมาตรฐานเดียว ช่วยตรวจสอบย้อนหลังได้ตลอดห่วงโซ่อาหาร
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เป็นประธานเปิดการประชุมความปลอดภัยด้านอาหารระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Regional Food Safety Conference for Asia and the Pacific) ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในระบบ Zoom โดยมีนายจอง จิน คิม (Jong Jin Kim)ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เข้าร่วมการประชุมทางออนไลน์ด้วย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า จากข้อมูลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อที่มากับอาหารประมาณ 600 ล้านคนต่อปี เสียชีวิตประมาณ 4.2 แสนคนต่อปี เฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีผู้ป่วยถึง 275 ล้านคนต่อปี ซึ่งอาหารถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตจึงต้องมีความปลอดภัยและมีคุณภาพ หากอาหารไม่ปลอดภัยจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว ยิ่งช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 อาหารปลอดภัยจึงยิ่งมีความสำคัญกว่าที่เคยเป็นมา เนื่องจากช่วยดูแลสุขภาพประชาชนและสร้างความมั่นใจการท่องเที่ยว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า การประชุมความปลอดภัยด้านอาหารระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เดิมมีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่จากสถานการณ์โรคโควิด 19 ทำให้ต้องเลื่อนการจัดงานออกไปและกำหนดจัดการประชุมรูปแบบเสมือนแทน โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)เป้าหมายที่ 2 คือ บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการสำหรับทุกคนในทุกวัย ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งความปลอดภัยของอาหารจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่การผลิตจนถึงการบริโภค
“การประชุมมีการหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานความปลอดภัยด้านอาหารระหว่างประเทศระดับสูงและร่วมวางระบบเฝ้าระวังและติดตามความปลอดภัยของอาหาร ทั้งการนำเข้าและส่งออกให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกกว่า40ประเทศ จากเดิมที่แต่ละประเทศมีระบบแตกต่างกัน หากระบบนี้สำเร็จจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถตรวจสอบย้อนหลังอาหารที่นำเข้าและส่งออกได้ตลอดห่วงโซ่อาหาร ช่วยสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยด้านอาหาร” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว .-สำนักข่าวไทย