สธ.11 พ.ย.-แพทย์แผนไทยห่วงสุขภาพประชาชนช่วงปลายฝนต้นหนาว แนะรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรรสเปรี้ยว ขมและเผ็ดร้อน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมเร่งวิจัยสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในคน หลังทดลองระยะแรกพบมีแนวโน้มดีในการยับยั้งเชื้อไวรัส
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ช่วงนี้สภาพอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง เนื่องจากช่วงการปรับเปลี่ยนฤดูกาลจากปลายฤดูฝนเข้าสู่ต้นฤดูหนาวหรือทีเรียกว่าช่วงปลายฝนต้นหนาว หลายพื้นที่ของประเทศไทยมีสภาพภูมิอกาศค่อนข้างเย็นลง ส่งผลกระทบต่อความสมดุลภายในร่างกาย ทำให้เกิดอาการเจ็บปวยได้ง่าย มีโอกาสเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งตามหลักและทฤษฎีของศาสตร์การแพทย์แผนไทย ช่วงปลายฝนต้นหนาวจะส่งผลให้ธาตุน้ำในร่างกายแปรปรวนหรือเสียสมดุลได้ง่าย
ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ที่ร่างกายไม่สมารถปรับตัวได้ทันมักจะเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับธาตุน้ำ เช่น หวัดน้ำมูกไหล ภูมิแพ้อ่กาศ หากติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำจะทำให้อาการของโรครุนแรงมากยิ่งขึ้น และผลจากการแปรปรวนของธาตุน้ำจะทำให้ธาตุลมหรือเลือดไหลเวียนไม่สะตวก เกิดอาการไอ จาม คัดจมูก ท้องอืด ท้องเฟ้อปวดเมื่อยตามร่างกาย และอาจมีอาการไข้ หรือไข้หัวลม ที่เกิดจากธาตุไฟกำเริบตามมาได้
ช่วงการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย แนะนำให้เน้นการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรรสเปรี้ยว ขม และเผ็ดร้อน เนื่องจากสมุนไพรรสปรี้ยว จะช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ ทำให้ชุ่มคอ เช่น มะเขือเทศ มะนาว มะขาม ผักติ้ว ใบชะมวง เป็นต้น
ส่วนสมุนไพรรสขม ช่วยแก้ไข้ ต้านการอักเสบ ช่วยให้หลับสบาย เช่น ดอกแค ขี้เหล็ก สะเดา มะแว้งตัน มะแว้งครือ มะเขือพวง และสมุนไพรรสเผ็ดร้อน จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นของร่างกาย บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวกและบรรเทาอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ เช่น ชิง ข่าตะไคร้ แมงลัก กะเหพรา กระเทียม
สำหรับมนูอาหารที่แนะนำ เช่น แกงส้มคอกแค (แก้ไข้หัวลม) ต้มยำ ส่วนน้ำสมุนไพร ได้แก่ น้ำชิง น้ำตะไคร้ น้ำกระเจี๊ยบ และน้ำอัญชันมะนาว เป็นต้น
นอกจากนี้หากมีอาการไข้ ป็นหวัด เจ็บคอ สามารถบรเทาอาการได้ด้วย “ฟ้าทะลายโจร” ซึ่งเป็นยาที่พัฒนาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยรับประทานในรูปแบบแคปซูลผงยา ครั้งละ 1,500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน หรือรูปแบบแคปซูลสาสกัดฟ้าทะลายโจร(ที่มีแอนโดรกราฟโฟไลค์ 9-10มก.หรือ 20 มก.ต่อแคปซูล) ให้รับประทานครั้งละ1หรือ 2 แคปซล วันละ 3 ครั้ง หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแพ้ ควรหยุดใช้และไปพบแพทย์ทันที
ส่วนความคืบหน้าในการวิจัยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ล่าสุด ผลจากการทดสอบในห้องทดลอง พบว่าสารแอนโดรกราฟโฟไลค์ ในฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ในการป้องกันการเพิ่มหรือการแพร่ของไวรัสที่อยู่ในเซล จึงมีแนวโน้มในทางที่ดี ในการยับยั้งเชื้อไวรัสรวมถึง โควิด-19 ส่วนการทดลองใช้ในคนขณะนี้ มีการติดตามกลุ่มตัวอย่างซึ่งมีการให้ สมุนไพรฟ้าทะลายโจรพบว่า อาการของหวัดเจ็บคอและน้ำมูกไหลจะดีขึ้นเร็วกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้รับสมุนไพรฟ้าทะลายโจร แต่ยังคงต้องเก็บตัวอย่างให้เพียงพอให้มีนัยทางสถิติและอธิบายทางการแพทย์ได้
ส่วนคำแนะนำสำหรับการดูแลสุขภาพร่างกายของประชาชน พญ.อัมพรแนะนำว่าขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรง รักษาความอบอุ่นของร่างกาย ด้วยการสวมสื้อหนาๆ หลีกเสี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่หนาวเย็น รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นอนพักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมง และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ .-สำนักข่าวไทย