19หน่วยงานร่วมพัฒนาแอปฯ “พ้นภัย”

กรุงเทพฯ 5 พ.ย.-19หน่วยงาน ลงนามความร่วมมือบูรณาการขับเคลื่อน
การใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย


พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วย “ความร่วมมือในการบูรณาการขับเคลื่อนการใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย” เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกันของหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย ประกอบด้วย สภากาชาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย รวม 19 หน่วยงาน

นพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ กล่าวว่า ภาคี 19 หน่วยงาน ได้ร่วมกันพัฒนา WEB และ MOBILE APPLICATION “พ้นภัย” ซึ่งมีฐานข้อมูลแผนที่และข้อมูลสำคัญอื่นที่เป็นประโยชน์จากหลายหน่วยงาน ทำให้ประชาชน สามารถเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติและใช้แจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยและมีกระบวนการคัดกรองตรวจสอบคำร้องให้ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ผ่านตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต.อำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัด ก่อนที่จะจัดส่งความช่วยเหลือไปทำให้มีการบูรณาการ การบริหารจัดการภัยพิบัติของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ โดยที่ทุกหน่วยงานเข้าถึงข้อมูลตรงกันลดความซ้ำซ้อน และความไม่ทั่วถึงในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยลงได้


แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ได้เริ่มมีการนำไปใช้ในการรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งอุทกภัย วาตภัย ไปจนกระทั่งภัยโควิด ประสบความสำเร็จอย่างดี และจะมีการนำระบบที่พัฒนาแล้วเสร็จไปเผยแพร่ผลักดันสู่การใช้งานจริง อย่างกว้างขวางทั่วประเทศต่อไป

นอกจากนี้ในงานได้มีตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.อบต.ที่มีประสบ การณ์ใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ในสถานการณ์จริง มาบอกเล่าถึงประโยชน์และประสิทธิภาพในการใช้งานด้วย

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ได้วางเป้าหมายขยายผลการใช้งาน แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในทุกจังหวัด พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประสานงานการให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำการใช้งาน แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” รวมถึงใช้ประโยชน์จากระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ (GIS)และแอปพลิเคชัน “พ้นภัย”ในการบูรณาการสรรพกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ เครื่องมืออุปกรณ์ และเครื่องจักรกล สาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้ง18 แห่ง สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้การปรับปรุงและพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านภัยพิบัติให้มีความครบถ้วนและครอบคลุมทุกประเภทภัย


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สนับสนุนในด้านการพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.และอาสาสมัครต่างด้าว หรือ อสต. ในการเรียนรู้การใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” และส่งเสริมให้ อสม. และอสต. นำแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ไปใช้จริงในการปฏิบัติงานตั้งแต่มีการระบาดของโควิด 19 ซึ่งปัจจุบันยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกว่าการสำรวจสุขภาพใจ ด้วยการใช้แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” สำรวจความเดือดร้อน และความต้องการความช่วยเหลือของคนในชุมชน โดยที่ผ่านมา อสม. และอสต. ได้ส่งคำร้องขอความช่วยเหลือมากว่า 20,319 คำร้อง ทั้งในเรื่องการกักกันโรคโควิด 19 อุทกภัย อัคคีภัย วาตภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว โรคระบาดสัตว์ โรคระบาดในมนุษย์ การคมนาคม และในอนาคตอันใกล้นี้ อสม.และอสต. จะเป็นผู้ปักหมุดพิกัด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก ผู้พิการ ผู้ที่ต้องพึ่งพิง ที่ อสม. อสต. เข้าในระบบแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อให้หน่วยงานเครือข่ายใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบางได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดภัย

นายพิริยะ ฉันทดิลก รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครอง ได้มีการแต่งตั้งผู้แทนเข้าร่วมเป็นคณะทำงานฯ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการฯ เชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลระหว่างฐานข้อมูลทะเบียนกลาง และระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พัฒนาขีดความสามารถและประโยชน์สูงสุดของระบบในการตรวจสอบด้วยเลขประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันตัวตนและข้อมูลจำนวนผู้อยู่อาศัยจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ

รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย โดยให้ทุกจังหวัดสั่งการให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดาวน์โหลดและเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อเป็นเครื่องมือและช่องทางในการรายงานสาธารณภัยและการร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว และให้นายอำเภอ รายงานผลการดาวน์โหลดเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกพื้นที่ ตลอดจนกำหนดให้การใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เป็นหัวข้อบรรยายในการฝึกอบรมหลักสูตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และมอบหมายให้ลูกจ้างตามโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team) ทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย”

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนข้อมูลแผนที่แสดงชื่อและตำแหน่งสถานพยาบาล ข้อมูลรายละเอียดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และข้อมูลด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อให้ทราบพื้นที่เสี่ยงภัย ตำแหน่งหรือพิกัดที่แม่นยำของผู้ประสบภัย ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลเส้นทางถนนและปริมาณการจราจร เพื่อให้การสนับสนุนทรัพยากรและทีมแพทย์ฉุกเฉินสามารถให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงทีและรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถตรวจสอบและติดตามการนำส่งทรัพยากรไปยังพื้นที่ประสบภัยได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

ทั้งนี้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณทุกหน่วยงานภาคีเครือข่ายและทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันในการบูรณาการและขับเคลื่อนการใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากรอบความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงนี้ จะเกิดประโยชน์สูงสุดในการจัดการภัยพิบัติที่อาจเกิดผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงทีต่อไป

นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ให้จังหวัดทุกจังหวัดแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ดาวน์โหลดและเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถแจ้งภัย และร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบพิจารณาคัดกรองคำร้องจากแกนนำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. เพื่อการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งต่อความช่วยเหลือได้ทันต่อสถานการณ์

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) กล่าวว่า ยินดีที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการบูรณาการและขับเคลื่อนการใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกันของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากระบบบริการจัดการฐานข้อมูลภัยพิบัติเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบให้ทันสมัย นำไปสู่การให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย