19หน่วยงานร่วมพัฒนาแอปฯ “พ้นภัย”

กรุงเทพฯ 5 พ.ย.-19หน่วยงาน ลงนามความร่วมมือบูรณาการขับเคลื่อน
การใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย


พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วย “ความร่วมมือในการบูรณาการขับเคลื่อนการใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย” เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกันของหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย ประกอบด้วย สภากาชาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย รวม 19 หน่วยงาน

นพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ กล่าวว่า ภาคี 19 หน่วยงาน ได้ร่วมกันพัฒนา WEB และ MOBILE APPLICATION “พ้นภัย” ซึ่งมีฐานข้อมูลแผนที่และข้อมูลสำคัญอื่นที่เป็นประโยชน์จากหลายหน่วยงาน ทำให้ประชาชน สามารถเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติและใช้แจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยและมีกระบวนการคัดกรองตรวจสอบคำร้องให้ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ผ่านตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต.อำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัด ก่อนที่จะจัดส่งความช่วยเหลือไปทำให้มีการบูรณาการ การบริหารจัดการภัยพิบัติของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ โดยที่ทุกหน่วยงานเข้าถึงข้อมูลตรงกันลดความซ้ำซ้อน และความไม่ทั่วถึงในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยลงได้


แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ได้เริ่มมีการนำไปใช้ในการรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งอุทกภัย วาตภัย ไปจนกระทั่งภัยโควิด ประสบความสำเร็จอย่างดี และจะมีการนำระบบที่พัฒนาแล้วเสร็จไปเผยแพร่ผลักดันสู่การใช้งานจริง อย่างกว้างขวางทั่วประเทศต่อไป

นอกจากนี้ในงานได้มีตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.อบต.ที่มีประสบ การณ์ใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ในสถานการณ์จริง มาบอกเล่าถึงประโยชน์และประสิทธิภาพในการใช้งานด้วย

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ได้วางเป้าหมายขยายผลการใช้งาน แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในทุกจังหวัด พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประสานงานการให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำการใช้งาน แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” รวมถึงใช้ประโยชน์จากระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ (GIS)และแอปพลิเคชัน “พ้นภัย”ในการบูรณาการสรรพกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ เครื่องมืออุปกรณ์ และเครื่องจักรกล สาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้ง18 แห่ง สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้การปรับปรุงและพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านภัยพิบัติให้มีความครบถ้วนและครอบคลุมทุกประเภทภัย


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สนับสนุนในด้านการพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.และอาสาสมัครต่างด้าว หรือ อสต. ในการเรียนรู้การใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” และส่งเสริมให้ อสม. และอสต. นำแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ไปใช้จริงในการปฏิบัติงานตั้งแต่มีการระบาดของโควิด 19 ซึ่งปัจจุบันยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกว่าการสำรวจสุขภาพใจ ด้วยการใช้แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” สำรวจความเดือดร้อน และความต้องการความช่วยเหลือของคนในชุมชน โดยที่ผ่านมา อสม. และอสต. ได้ส่งคำร้องขอความช่วยเหลือมากว่า 20,319 คำร้อง ทั้งในเรื่องการกักกันโรคโควิด 19 อุทกภัย อัคคีภัย วาตภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว โรคระบาดสัตว์ โรคระบาดในมนุษย์ การคมนาคม และในอนาคตอันใกล้นี้ อสม.และอสต. จะเป็นผู้ปักหมุดพิกัด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก ผู้พิการ ผู้ที่ต้องพึ่งพิง ที่ อสม. อสต. เข้าในระบบแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อให้หน่วยงานเครือข่ายใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบางได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดภัย

นายพิริยะ ฉันทดิลก รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครอง ได้มีการแต่งตั้งผู้แทนเข้าร่วมเป็นคณะทำงานฯ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการฯ เชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลระหว่างฐานข้อมูลทะเบียนกลาง และระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พัฒนาขีดความสามารถและประโยชน์สูงสุดของระบบในการตรวจสอบด้วยเลขประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันตัวตนและข้อมูลจำนวนผู้อยู่อาศัยจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ

รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย โดยให้ทุกจังหวัดสั่งการให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดาวน์โหลดและเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อเป็นเครื่องมือและช่องทางในการรายงานสาธารณภัยและการร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว และให้นายอำเภอ รายงานผลการดาวน์โหลดเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกพื้นที่ ตลอดจนกำหนดให้การใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เป็นหัวข้อบรรยายในการฝึกอบรมหลักสูตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และมอบหมายให้ลูกจ้างตามโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team) ทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย”

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนข้อมูลแผนที่แสดงชื่อและตำแหน่งสถานพยาบาล ข้อมูลรายละเอียดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และข้อมูลด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อให้ทราบพื้นที่เสี่ยงภัย ตำแหน่งหรือพิกัดที่แม่นยำของผู้ประสบภัย ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลเส้นทางถนนและปริมาณการจราจร เพื่อให้การสนับสนุนทรัพยากรและทีมแพทย์ฉุกเฉินสามารถให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงทีและรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถตรวจสอบและติดตามการนำส่งทรัพยากรไปยังพื้นที่ประสบภัยได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

ทั้งนี้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณทุกหน่วยงานภาคีเครือข่ายและทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันในการบูรณาการและขับเคลื่อนการใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากรอบความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงนี้ จะเกิดประโยชน์สูงสุดในการจัดการภัยพิบัติที่อาจเกิดผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงทีต่อไป

นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ให้จังหวัดทุกจังหวัดแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ดาวน์โหลดและเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถแจ้งภัย และร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบพิจารณาคัดกรองคำร้องจากแกนนำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. เพื่อการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งต่อความช่วยเหลือได้ทันต่อสถานการณ์

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) กล่าวว่า ยินดีที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการบูรณาการและขับเคลื่อนการใช้งานระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกันของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากระบบบริการจัดการฐานข้อมูลภัยพิบัติเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบให้ทันสมัย นำไปสู่การให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]