3 ปัจจัยไทยเสี่ยงโควิดรอบ 2

ศิริราช 3 พ.ย.-คณบดีศิริราชชี้ 3 ปัจจัย ไทยกลับมามีโควิดรอบ 2 ได้แก่ การระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ,สภาพอากาศ,การชุมนุมทางการเมือง ย้ำไม่ได้ห้าม แต่พฤติกรรม ตะโกน แออัดเป็นจุดเสี่ยง จี้รัฐหากลดกักตัวเหลือ 10 วัน แต่หากพบคนป่วยเลข 2 หลักต้องหยุดกลับกัก14 วันเหมือนเดิม ห่วงโรงพยาบาลรองรับไม่พอ


นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า มี 3 ปัจจัยที่จะทำให้ไทยกลับมาพบการแพร่ระบาดของโควิดระลอก 2 ได้แก่ 1 การระบาดในกลุ่มประเทศเพื่อน ทั้งเมียนมา และมาเลเซีย 2 สภาพอากาศในปัจจุบันที่ค่อนข้างเย็นลง 3 การชุมนุมทางการเมือง ซึ่งตนไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่พฤติกรรมการชุมนุม ที่มีทั้งการตะโกน แออัด ไม่สวมหน้ากากอนามัย ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการเป็นคนหนุ่มสาวมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อกลับมาบ้านก็อาจนำเชื้อไปติดสู่ผู้สูงอายุ ที่บ้าน เมื่อผู้สูงอายุป่วยก็มักมีอาการหนัก และทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเข้าสู่สถานพยาบาลจำนวนมาก อาจเกินขีดความสามารถของสถานพยาบาลที่จะรับได้

นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่มีการทดลองผลิตในขณะนี้ มีมากถึง 11 บริษัท ที่เข้าสู่กระบวนการทดลองในคนเฟส 3 แต่คาดว่าบริษัทที่น่าจะประสบความสำเร็จ ได้แก่ วัคซีน จีน ที่เทคโนโลยีแบบดั้งเดิม แต่คาดว่าโอกาสที่ทั่วโลกจะมีวัคซีนได้อย่างเร็วที่สุดกลางปี64 แต่ในระหว่างนี้ที่ยังไม่มีวัคซีน 7 เดือนนี้ ทุกคนยังต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง ล้างมือและมีระยะห่าง เลี่ยงสถานที่แออัด ซึ่งเป็นวัคซีนอย่างง่ายป้องกันตนเองไปก่อน พร้อมเผยแนวคิดรัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยว ตนไม่ขัดแต่ขอให้หาจุดสมดุล ของทั้งเศรษฐกิจ และความปลอดภัยให้ดี และต้องเน้นในประเทศที่มีอัตราเสี่ยงต่ำก่อน


นพ.ประสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ทั้งนี้รวมถึงการลดระยะเวลาการกักตัว จาก 14 วันเหลือ 10 วัน ไม่ขัดแต่ขอให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจ ต้องพิจารณา ให้รอบคอบ และหากทำแล้วพบว่า มีจำนวนผู้ป่วยเกินแค่เลข 2 หลัก หรือหลักสิบ ไม่ว่าจะเป็น 20 คนหรือ 40 คนต้องหยุด และกลับคงมาตรการการกักตัวเหมือนเดิม เพราะไม่เช่นนั้นจะเกินขีดความสามารถที่สถานพยาบาลรับได้ หากรอปล่อยให้มีผู้ป่วยเพิ่มถึงหลัก 100 คน ต่อวัน อย่ามองโลกสวยแค่นำรายได้เข้าประเทศ อย่างเดียว และอยากให้ทุกพื้นที่ ต้องช่วยกัน ควบคุมโรคให้ได้ ไม่เช่นนั้นท้ายที่สุดในการควบคุมโรค ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดการหยุดชะงัก ทั้งหมดไม่ใช่แค่รายได้จากต่างชาติ ยังมีรายได้จากคนไทยในประเทศด้วยที่อาจไม่ได้เลย

“เรื่องแบบนี้ทดลองได้ ไม่ลองไม่รู้แต่ต้องมีระยะเวลา ควบคุมและต้องไม่มีข้อยกเว้นเป็นกรณีเศษ ต้องเคารพกติกาและต้องเริ่มทำในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำก่อน จะ10 หรือ 14 วัน และหากมีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่ม ต้องทบทวนหยุดทันที ส่วนตัวแค่พบผู้ป่วยแค่ป่วย 2 หลักต้องเลิก “นพ.ประสิทธิ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-กลาง อากาศร้อนจัดบางพื้นที่

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคกลาง อากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้