กทม.26 ต.ค.- กทม.ร่วมเฝ้าระวังและป้องกันโรค RSV ในเด็ก พบระบาดบ่อยปลายฝนต้นหนาว
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/10/F4AC57CD-1B67-4EAC-83FE-6F5BECB99BBB-1.jpg)
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (ปลัด กทม.) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ต้นฤดูหนาวเป็นช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงและอาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนได้ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งโรค RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี จะพบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝนหรือปลายฝนต้นหนาว
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/10/BB4BC662-5217-433A-8E93-E2E29A52906C.jpg)
อาการของโรค คือมีไข้สูง ไอมากและมีเสมหะมาก ซึมลง หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ตัวเขียว จากการขาดออกซิเจน สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย ที่ปนปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของล่น ฯลฯ และผ่านการหายใจเอาละอองจากการไอ จาม ของผู้ป่วยเข้าไปในร่างกาย โดยเชื้อไวรัสอาร์เอสวีสามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมงและสามารถอยู่ที่มือของเราได้นานประมาณ 30 นาที
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/10/FFFB089A-0195-4745-8D55-1F2F44232C60.jpg)
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง แต่ใช้วิธีรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะมาก ต้องเคาะปอดและดูดเสมหะออกเพื่อลดความรุนแรงของอาการไอและหายใจหอบเหนื่อยได้ ยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์หากไม่มีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน การป้องกันโรคทำได้ ดังนี้
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีหรือสัมผัสผู้ป่วย
- ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ทารกที่ได้รับควันบุหรี่จะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี
- รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมากๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ .-สำนักข่าวไทย