สธ.เผยมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวเข้าไทย

สธ.12 ต.ค.-สธ.แจงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวเข้าไทย เน้นระบบติดตามตัวเพื่อความปลอดภัย โดยให้สิทธิประเทศติดโควิดต่ำเข้าไทยก่อน จัดพื้นที่เฉพาะให้เที่ยวได้ภายในระยะเวลากักตัว 14 วัน พร้อมย้ำต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ ส่วนการตรวจหาเชื้อโควิดที่แม่สอด เน้นในกลุ่มเป้าหมาย 1,500 คนในพื้นที่ชายแดน


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวประเด็นมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า ขณะนี้มีแนวคิดในการกักกันโรครูปแบบใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ซึ่งเมื่อเข้ามาระยะสั้นอยู่แล้ว และต้องกักตัวอีก 14 วัน อาจทำให้เหลือเวลาในการท่องเที่ยวไม่มาก จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการควบคุมโรคพร้อมทั้งได้ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย

ขณะเดียวกันยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงมีแนวคิดในการจัดทำระบบกักกันตัวร่วมกับการท่องเที่ยวแบบกำหนดพื้นที่เฉพาะ หมายถึงเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย แทนที่จะกักตัว 14 วันอยู่ในแต่ในห้องพัก ก็จะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวตามแพคเกจที่เรากำหนด แบบเป็นเส้นทางตายตัว มีระบบแทร็คกิ้งติดตามนักท่องเที่ยว เป็นเครื่องมือไม่ให้ออกนอกเส้นทาง และมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอดเส้นทางการเดินทาง ซึ่งได้มีการหารือกับจังหวัดที่มีความพร้อม และเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลัก อาทิ ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ เชียงราย บุรีรัมย์ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งก็มีความสนใจแนวคิดนี้ โดยเฉพาะมีบางจังหวัดมีความสนใจมาก เช่นล่าสุดได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดคือชลบุรี แต่อย่างไรเสียก็ต้องสอบถามประชาชนในพื้นที่ก่อนว่า มีความพร้อมหรือไม่ ซึ่งเราจะต้องลงพื้นที่และทำการสอบถามเรื่องนี้ เพราะต้องยึดหลักความปลอดภัยเป็นที่สุด


นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนการเลือกนักท่องเที่ยวเข้ามานั้นต้องเลือกประเทศต้นทางที่มีการควบคุมโรคได้ดี อย่างจีน มีบางมณฑลประชากร 100 ล้านคน ไม่มีโควิดมาประมาณ180วัน โดยเมื่อเลือกประเทศต้นทางที่เสี่ยงน้อย ตรวจโควิดเป็นลบ และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็ไปพื้นที่ท่องเที่ยวประมาณ 4-5 แห่งที่ควบคุมได้และไม่รบกวนบุคคลอื่น ส่วนที่พักก็มี Local Quarantine อยู่แล้ว ซึ่งหลักการเห็นตรงกันแต่รายละเอียดต้องคุยกันอีกที แต่ที่สำคัญที่สุดต้องคุยกับพื้นที่ว่าเห็นด้วย เข้าใจ และมั่นใจหรือไม่ อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่ไปคุยนั้น จะต้องมีระบบสุขภาพพื้นฐานที่มีความพร้อม ทั้งโรงพยาบาล ระบบการเฝ้าระวัง การควบคุม เช่น หากมีคนไข้ติดโควิด ระบบตรวจจับรวดเร็ว เป็นต้น

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า จากที่บริเวณด่านแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก มีการตรวจพบพนักงานขับรถชาวเมียนมา 3 คน ติดโควิด-19 โดยเข้ารับการรักษาที่ รพ.เมียวดีแล้ว ซึ่งการสอบสวนโรคในพื้นที่พบมีผู้สัมผัสใกล้ชิดในฝั่งไทยรวม 74 คน ซึ่งผลการตรวจเชื้อเป็นลบไม่ติดเชื้อ แต่จะ ต้องมีการเฝ้าระวังจนครบ14วันต่อไป นอกจากนี้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทานจำนวน 3 คันได้ลงไปในพื้นที่ เพื่อทำการเก็บตัวอย่างจากคนในพื้นที่ อ.แม่สอดที่คนไทยและต่างชาติ ตรวจค้นหาโควิด-19 เป้าหมาย 1,500 คน ถือเป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกในพื้นที่ และให้ความรู้กับประชาชน สร้างความเข้าใจว่า การพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มีมาตรการที่เข้มแข็งและรวดเร็วในการเข้าเข้าไปควบคุมการแพร่เชื้อ

นพ.โสภณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในประเทศเมียนมา ในส่วนของรัฐที่ติดกับชายแดนประเทศไทย แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่เป็นชนบทจะเดินทางลำบากเมื่อเทียบกับเขตเมืองที่มีผู้ติดเชื่อจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมาตรการที่ประเทศไทยดำเนินการป้องกีนการแพร่เชื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าประเทศไทย มีการดำเนินการเข้มแข็งมาตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่ง 10 จังหวัดที่เป็นชายแดนของประเทศไทยมีการยกระดับมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเมื่อมีผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจจะเข้าไปดำเนินการควบคุมอย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง

กทม. 28 ก.ค.-ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง ขณะ ทภ.2 เตือนอย่าเชื่อข่าวปลอม กองทัพไม่สนทางรัฐบาลเจรจา กร้าวเดินหน้ารบ-ประกาศอัยการศึก พร้อมชวนกดรีพอร์ทโพสต์-คอมเมนต์ผู้ไม่หวังดีโจมตีสื่อทางการไทย กองทัพบกทันกระแส รายงานว่าเข้าวันที่ 5 ของสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 3 จนฟ้าเริ่มสาง ทหารไทยยังไม่ได้พักมีทุกแบบ ทั้งคืน นอกจากนี้ กองทัพภาคที่2 ยังได้ขอความร่วมมือ ชาวโซเชียลไทย กดรีพอร์ท Report โพสต์หรือคอมเม้นต์ของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการเข้ามา กลั่นแกล้ง ก่อกวน และโจมตี สื่อทางการไทย พร้อนเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม กรณีที่มีข่าวว่า “กองทัพแข็งกร้าว! ลั่นเดินหน้ารบ ซัดรบ.อย่าหวังเจรจา ขณะเขมรยึดพื้นที่ไทย จ่อใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ”.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย