สธ.8 ต.ค.-รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำกรมควบคุมโรคมีระบบตรวจสอบถี่ถ้วน เหตุพบคนไทยติดเชื้อที่ต่างประเทศ มักเกิดจากวิธีตรวจแบบ รวดเร็วหรือ rapid test ซึ่งผลจะไม่แน่นอน ต้องตรวจแบบ Rt PCR จึงรู้ว่าไม่ติด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมาว่า นอกจากการปิดพรมแดน ประเทศไทยยังควบคุมการตรวจตราคนเข้าออกอย่างรอบคอบ ขณะที่คนไทยก็มีสิทธิกลับเข้าประเทศ และต้องเข้ากักตัวตามระบบ กรณีที่เป็นข่าวคือนักธุรกิจไทยกลับจากเมียนมาและเข้าสถานกักกันตัว ตรวจครั้งที่ 2 พบเชื้อและนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อออกมานอกระบบอย่างแน่นอน แต่กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้น ให้มีการตรวจกลุ่มเป้าหมายต่างๆครบถ้วน ให้ อสม. รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหากพบมีต่างด้าวในพื้นที่
ส่วนการเดินทางไปทำงานของคนไทยยังหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฟินแลนด์ และอีกหลายประเทศในยุโรปและเอเชีย เป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศปลายทางนั้นๆ ที่จะรับคนไทยเข้าไป สะท้อนว่าหลายประเทศเชื่อมั่นไทยคุมโควิดได้ดี ที่ผ่านมาพบข่าวอยู่บ่อยๆ ที่ประเทศปลายทางตรวจคนไทยแล้วพบติดเชื้อ เช่น ที่ญี่ปุ่น พบ 14 คนไทยติดเชื้อ ซึ่งตาม กฎอนามัยระหว่างประเทศ ไทยจะขอข้อมูลจากญี่ปุ่น ซึ่งจากข้อมูลคนไทย 8 คนแรกที่ญี่ปุ่นส่งมา พบว่าเป็นการตรวจพบเชื้อ ด้วยวิธี rapid test คือตรวจด้วยน้ำลายที่รวดเร็ว และมักจะให้ผลเป็นบวก และเข้ากักตัวทันที แต่หลังจากนั้น 7 วัน เมื่อทำการตรวจแบบมาตรฐาน หรือ Rt PCR ด้วยการ swap ก็จะให้ผลเป็นลบ ซึ่ง 8 คนนั้น ได้ถูกปล่อยตัวกลับบ้านแล้ว
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า เพื่อให้รอบคอบยิ่งขึ้นกรมควบคุมโรคได้ส่งทีมเข้าตรวจหาเชื้อของผู้สัมผัสใกล้ชิด ทั้ง 8 รายดังกล่าวควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือที่กรุงเทพฯ ประมาณ 100 รายผลออกมาเป็นลบทั้งหมด เช่นเดียวกับอีก 6 คนที่เหลือ ญี่ปุ่นจะรอตรวจโดยวิธีมาตรฐานอีกครั้ง และควบคู่กันไป กรมควบคุมโรคก็ได้เข้าตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมดครบถ้วนแล้วผลเป็นลบเช่นเดียวกัน และคาดว่าผลตรวจมาตรฐานจากญี่ปุ่นก็จะเป็นลบในที่สุด
เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ ฮ่องกง เกาหลีใต้ วิธีตรวจก็จะแตกต่างกัน ซึ่งไทยต้องตรวจสอบทานกลับไปกลับมาให้แน่ชัดตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย