นิติฯมธ.โพสต์ชี้แจงการคัดเลือกร้านกาแฟ

กรุงเทพฯ 3 ต.ค.-คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์คำชี้แจง 7 ข้อ กรณีการคัดเลือกผู้ให้บริการเครื่องดื่มภายในพื้นที่ท่าพระจันทร์ ดำเนินการไปตามขั้นตอน โปร่งใส เป็นไปตามหลักเกณฑ์กฎหมาย


ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการสิ้นสุดสัญญาของร้านกาแฟยิ้มสู้ซึ่งให้บริการเครื่องดื่มแก่บุคลากรและนักศึกษาในบริเวณพื้นที่ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ บนสื่อสังคมออนไลน์นั้น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (“คณะนิติศาสตร์”) ขอชี้แจงดังต่อไปนี้

1.การที่คณะนิติศาสตร์ดำเนินการคัดเลือกผู้ให้บริการเครื่องดื่มเมื่อสัญญากับผู้ให้บริการรายเดิมสิ้นสุดลง เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติภายใต้กฎเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ให้บริการเครื่องดื่มในพื้นที่ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่ปี 2561 โดยสัญญาได้สิ้นสุดในช่วงกลางปี 2563 อย่างไรก็ตามเนื่องจากในช่วงเวลามีการปิดมหาวิทยาลัยเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ผ่อนผันให้ผู้ให้บริการในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยให้บริการต่อไปได้โดยไม่เสียค่าเช่า คณะนิติศาสตร์จึงอนุญาตให้ร้านยิ้มสู้ค่าเฟ่ให้บริการต่อไป โดยไม่ได้เรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่แต่อย่างใดจนกระทั่งสิ้นเดือนมิถุนายน 2563


2.เมื่อมีการจัดการเรียนการสอนตามปกติในเดือนสิงหาคม 2563 คณะนิติศาสตร์จึงได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ให้บริการตามหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีผู้เสนอตัวเข้ารับการคัดเลือก 2 ราย ได้แก่ ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ และ Café Amazon คณะนิติศาสตร์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจำนวน 14 คน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนผู้บริหาร ตัวแทนคณาจารย์ ตัวแทนบุคลากรสายสนับสนุน ตัวแทนนักศึกษา โดยคณะกรรมการทำการประเมินในสองส่วน ส่วนแรกเป็นการประเมิน 9 รายการ เช่น ขั้นตอนทางธุรการ ความสะอาดและความปลอดภัยของอาหาร การจัดเตรียมอาหาร การให้บริการ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และข้อเสนอค่าตอบแทน โดยกรรมการที่เข้าร่วมประชุมจำนวน 12 คน แยกกันประเมินแล้วจึงนำผลคะแนนมารวมกัน ปรากฎว่าร้านยิ้มสู่คาเฟ่ได้คะแนนรวม 1,059 คะแนน Café Amazon ได้คะแนน รวม 1,092 คะแนน ส่วนที่สองเป็นการประเมินรสชาติ ปริมาณ ความเหมาะสมของราคา ความน่ารับประทาน และความสะอาด โดยคณะกรรมการเปิดโอกาสให้ตัวแทนของประชาคมซึ่งประกอบด้วยอาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักศึกษาของคณะนิติศาสตร์ทุกหลักสูตรที่ทำการเรียนการสอนที่ท่าพระจันทร์เข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินส่วนที่สองนี้ มีผู้เข้าร่วมประเมินทั้งสิ้น 44 คน โดยผู้ประเมินแต่ละคนแยกกันประเมินแล้วจึงนำผลคะแนนมารวมกัน ปรากฎว่าร้านยิ้มสู่คาเฟ่ได้คะแนนรวม 856.5 คะแนน Café Amazon ได้คะแนนรวม 1,011 คะแนน เมื่อพิจารณาผลการประเมินทั้งสองส่วน Café Amazon ได้รับคะแนนมากกว่าร้านยิ้มสู้คาเฟ่

3.วิธีการคัดเลือกที่คณะกรรมการคัดเลือกใช้ในครั้งนี้เป็นวิธีการคัดเลือกแบบเดียวกันกับที่ใช้ในการคัดเลือกเมื่อปี 2561 ซึ่งร้านยิ้มสู้คาเฟ่ได้รับการคัดเลือก

4.คณะกรรมการคัดเลือกเล็งเห็นถึงผลกระทบที่อาจมีต่อลูกจ้างที่เป็นคนพิการของร้านยิ้มสู้คาเฟ่ จึงได้สอบถามความเป็นไปได้ที่ Café Amazon จะว่าจ้างลูกจ้างที่เป็นคนพิการต่อไปในกรณีที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ให้บริการรายใหม่ ซึ่ง Café Amazon ตอบรับที่จะว่าจ้างลูกจ้างที่เป็นคนพิการต่อไปหากได้รับการคัดเลือก


5.คณะกรรมการอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลการคัดเลือกเพื่อเสนอให้คณบดีคณะนิติศาสตร์พิจารณาว่าจะเห็นชอบกับผลการคัดเลือกหรือไม่ ในกรณีที่คณบดีคณะนิติศาสตร์เห็นชอบก็จะดำเนินการทำสัญญากับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต่อไป คณะนิติศาสตร์ขอยืนยันว่า นับถึงเวลาที่เผยแพร่คำชี้แจงนี้ คณะกรรมการคัดเลือกยังจัดทำรายงานการคัดเลือกไม่แล้วเสร็จ และคณบดีคณะนิติศาสตร์ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบกับผลการคัดเลือกแต่อย่างใด โดยปกติแล้วการแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบจะดำเนินการภายหลังจากที่คณบดีคณะนิติศาสตร์ให้ความเห็นชอบกับผลการคัดเลือกแล้ว

6.อย่างไรก็ตามในระหว่างที่มีการจัดทำรายงานผลการคัดเลือก เจ้าหน้าที่ของคณะนิติศาสตร์ได้แจ้งผลการประเมินต่อร้านกาแฟยิ้มสู้อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนปฏิบัติในกรณีที่ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ไม่ได้รับการคัดเลือก โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ทราบว่า ในกรณีที่ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ไม่ได้รับการต่อสัญญา ร้านยิ้มสู้คาเฟ่จะได้รับอนุญาตให้บริการต่อไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 คณะนิติศาสตร์ไม่เคยกำหนดให้ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ยุติการให้บริการและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 โดยที่ยังคิดอัตราค่าเช่าเต็มเดือนพฤศจิกายนแต่อย่างใด

7.คณะนิติศาสตร์ต้องขออภัยที่การสื่อสารภายในก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและสร้างความไม่สบายใจให้กับศิษย์เก่า นักศึกษาปัจจุบัน และบุคคลทั่วไป แต่ขอยืนยันว่ากระบวนการคัดเลือกที่ได้ดำเนินการมาแล้วมีความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และในการพิจารณาให้ความเห็นชอบกับผลการคัดเลือกนั้น คณบดีคณะนิติศาสตร์จะพิจารณาถึงการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ความเป็นธรรม และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นบุคลากร นักศึกษาผู้รับบริการทั่วไป ตลอดจนลูกจ้างที่เป็นคนพิการของร้านยิ้มสู้คาเฟ่ หากร้านยิ้มสู้คาเฟ่ไม่ได้รับการพิจารณาให้ต่อสัญญา คณะนิติศาสตร์จะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะให้ลูกจ้างที่เป็นคนพิการได้ทำงานต่อไปกับผู้ให้บริการใหม่บนพื้นฐานของความสมัครใจของลูกจ้างแต่ละคน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3 ตุลาคม 2563 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย