โควิดเมียนมาประชิดไทย ขอทุกฝ่ายจับตาเข้ม

สธ.2 ต.ค.-สธ.คาดตัวเลขป่วยโควิดจริงในไทยถึง 6 พันคน ห่วงการระบาดเมียนมาประชิดไทย ขอทุกฝ่ายจับตา ป้องกันลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย


นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของทั้งโลกขณะนี้ซึ่งมีผู้ป่วย 34 ล้านคนแล้ว ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเท่าไหร่ยังคงอยู่ในระดับสูง ตัวเลขที่เปิดเผยในปัจจุบันนักวิชาการคาดว่าต่ำกว่าตัวเลขจริง ในส่วนของประเทศไทยก็เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วยในระบบรายงานอยู่ที่3,575 คน แต่จากการค่าประมาณของทีมวิชาการที่มีการคาดประมาณสถานการณ์ก็คาดว่าประเทศไทยน่าจะมีผู้ป่วยมากกว่านี้ โดยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 คน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเราก็คุมสถานการณ์ของโรคได้ดีปัจจัยสำคัญ บางเรื่องเราทำได้ดีมาก แต่บางเรื่องมีการลดความสำคัญลง 1.มีระบบควบคุมโรคที่เข้มแข็ง ได้รับคะแนนอันดับดีทั้งในระดับโลกและระดับเอเชีย มีทีมสอบสวนโรคที่เข้มแข็ง 2.การเริ่มปฏิบัติงานอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากมีข่าวการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2562 ในวันที่ 3 ม.ค. 2563 ไทยก็เริ่มปฏิบัติการสาธารณสุขทันที 3.มีการใช้องค์ความรู้จากนักวิชาการ ใช้ความรู้วิชาการมาเป็นตัวนำ ทุกวันนี้ทีมวิชาการยังทำงานอย่างเข้มแข็ง การให้ข่าวและการตัดสินใจหลายอย่างที่ต้องใช้หลักฐานทางวิชาการก็สามารถร่วมกันคิดร่วมกันทำได้ค่อนข้างดี


4.ภาวะการนำในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสูงสุดของประเทศ ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี และระดับรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ตลอดจนพื้นที่ ตำบล หมู่บ้านก็มีส่วนร่วมเข้ามาช่วยในการประคับประคองสถานการณ์ 5.ความร่วมมือทุกภาคส่วน ในทุกครั้งที่มีการแถลงข่าว แม้กระทั่งแถลงที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมให้ความร่วมมือ 6. การสื่อสารที่ดีโดยมีทีมที่ทำเนียบรัฐบาลและทีมกระทรวงสาธารณสุข และสุดท้าย 7. คือความร่วมมือร่วมใจของคนไทย เวลาที่เราเผชิญสถานการณ์วิกฤติใดๆ ก็ตามคนไทยจะหันหน้าเข้าหากัน

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้สถานการณ์จากเมียนมาเป็นตัวกดดันสำคัญของประเทศไทยว่าจะมีการระบาดเข้ามา หากเรามีระบบควบคุมป้องกันโรค มีการจัดการที่ดีในระยะเวลาที่เหมาะสมก็จะควบคุมการระบาดในประเทศไทยได้ แต่หากยังมีการปล่อยให้ลักลอบเข้ามา ความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดในประเทศไทยก็จะเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้สถานการณ์การระบาดของเมียนมาจากจุดเริ่มต้นย่านตะวันตกแถบรัฐยะไข่ก็เริ่มคลืบคลานมาทางตะวันออกเพิ่มมากขึ้นมีการระบาดรุนแรงในเมืองย่างกุ้งมาสักระยะแล้ว และเริ่มมีเมืองอื่นๆ ที่เริ่มเจอผู้ป่วยประปรายรวมถึงรัฐมอญ ซึ่งมีชายแดนบางส่วนติดกับประเทศไทย และอีก 2 รัฐคือคะฉิ่นและอีก 1 รัฐอาจจะเจอผู้ป่วยไม่มาก แต่ก็เริ่มเห็นว่าการระบาดของโรคใกล้ชายแดนไทยเข้ามาทุกที เพราะฉะนั้นเรื่องการกวดขันคนที่เดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่ทุกฝ่ายไม่เพียงแต่ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชนทุกคนสามารถช่วยกันสอดส่องได้หากพบการเข้าเมืองผิดกฎหมายขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง