คุรุสภา29 ก.ย.-คุรุสภา เตรียมลงพื้นที่โรงเรียนสาสน์วิเทศราชพฤกษ์พรุ่งนี้ ตรวจสอบใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพครูทั้งโรงเรียน หากพบไม่ถูกต้อง แจ้งความเอาผิด และยึดใบประกอบวิชาชีพ
นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุครูโรงเรียนสารสาสน์ฯ ทำร้ายนักเรียนชั้นอนุบาล ขณะนี้คุรุสภาได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง1 ชุด โดยจะลงพื้นที่เก็บข้อมูลในวันพรุ่งนี้ (30ก.ย.) เวลา09.00 น. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของครูผู้สอน ว่ามีใบอนุญาตสอน หรือใบประกอบวิชาชีพหรือไม่ สัญญาจ้างเขียนไว้อย่างไร รวมทั้งตรวจสอบใบอนุญาตครูทั้งโรงเรียนด้วย โดยจะดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จเร็วที่สุดภายในวันเดียว
ทั้งนี้ หากพบว่าไม่มีใบประกอบวิชาชีพจะแจ้งความเอาผิดต่อเจ้าพนักงาน เพื่อเอาผิด ทั้งครูและโรงเรียน ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 มาตรา 79 โดยศาลระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท แต่หากตรวจสอบแล้วพบ ว่าครูมีใบอนุญาต คุรุสภาจะต้องตรวจสอบจรรยาบรรณต่อไป หากร้ายแรงอาจถึงขั้นยึดใบประกอบวิชาชีพ สิ้นสถานะภาพความเป็นครู
ส่วนกรณี “ครูจุ๋ม” ที่เป็นครูพี่เลี้ยง ตัวกฏหมายของคุรุสภายังไปไม่ถึง เนื่องจากคำว่า “ครูพี่เลี้ยง” ไม่มีในบัญญัติของพ.ร.บ.สภาครูและบุคคลากรทางการศึกษา แต่ความหมาย คือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ที่มาทำหน้าที่ช่วยครูดูแลเด็ก แต่ห้ามทำหน้าที่สอน ซึ่งทางโรงเรียนสามารถจ้างได้ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนเอกชน แต่หากพี่เลี้ยงเด็กหรือที่เรียกกันติดปากว่าครูพี่เลี้ยงทำหน้าที่สอน ก็จะเข้าข่ายความผิด แอบอ้างเป็นครู มาตรา46 ห้ามมิให้ผู้ใดแสดงด้วยวิธีใดๆ มีสิทธิหรือพร้อมประกอบวิชาชีพครู โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท
เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ส่วนกรณีครูต่างชาติ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพเช่นกัน ต้องมาขออนุญาตที่คุรุสภา แต่เบื้องต้นที่ได้รับข้อมูล ครูชาวฟิลิปปินส์ เข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ไม่สามารถขอใบอนุญาตสอนได้แน่นอน โรงเรียนมีความผิดแน่ ย้ำว่าวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพที่ต้องควบคุม ไม่ใช่ใครจะมาเป็นครูก็ได้ ต้องทดสอบจิตวิญญาณความเป็นครู มีศักยภาพการสอน กรณีนี้น่าจะเป็นตัวอย่างให้กับอีกหลายโรงเรียนที่ต้องทำให้ถูกต้อง อนาคตคุรุสภาจะลงพื้นที่ไปสุ่มตรวจในโรงเรียนเอกชน โดยที่ไม่แจ้งล่วงหน้า .-สำนักข่าวไทย