เพิ่มเฝ้าระวังแรงงานลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย

สธ.14 ก.ย.-ไทยคงเข้มคัดกรองคนกลับจากต่างประเทศ เพิ่มการเฝ้าระวังแรงงานลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เสี่ยงนำเชื้อโควิดเข้ามาแพร่กระจาย พร้อมส่งรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานลงพื้นที่จังหวัดตะเข็บชายแดน ตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง


กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 14 กันยายน 2563 ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ (สหรัฐอเมริกา 1 ราย, กาตาร์ 1 ราย) เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม จึงมีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,312 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.31 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 105 ราย หรือร้อยละ 3.02 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,475 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้เป็นผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 23 ปี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้างสอนหนังสือ เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 5 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 10 กันยายน 2563 (วันที่ 5 ของการกักตัว) ผลไม่ชัดเจน จึงตรวจซ้ำวันที่ 12 กันยายน 2563 (วันที่ 7 ของการกักตัว) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี


กาตาร์ 1 ราย เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 29 ปี อาชีพนักศึกษา เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 7 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี พบเชื้อจากการตรวจในครั้งแรกวันที่ 11 กันยายน 2563 (วันที่ 4 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเข้มมาตรการคัดกรองและเฝ้าระวังโรคในผู้เดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งทุกรายจะต้องเข้ากักกันในสถานที่รัฐจัดให้จนครบ 14 วันและทำการตรวจคัดกรอง เมื่อพบว่าติดเชื้อจะส่งต่อเข้าสู่ระบบการรักษาทันที ป้องกันการแพร่กระจายเข้าประเทศ นอกจากนี้พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้านที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หน่วยงานด้านความมั่นคง ฝ่ายปกครองและสาธารณสุขได้บูรณาการทำงานร่วมกัน เข้มงวดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในผู้ที่เดินทาง และเพิ่มการเฝ้าระวังแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) สอดส่อง เฝ้าระวังแรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่กระจายในประเทศได้ และยังได้ส่งรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานลงพื้นที่จังหวัดตะเข็บชายแดนเพื่อทำการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงด้วย

ทั้งนี้ ได้ส่งรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2563 ที่โรงเรียนอิสลามศึกษา, โรงเรียนวังตะเคียน, อบต.แม่กะษา และเรือนจำ รวม 2,636 คน ผลการตรวจคัดกรองทั้งชาวไทยและต่างด้าวทั้งหมดไม่พบการติดเชื้อโควิด- 19


สำหรับโรงงานและสถานประกอบการซึ่งมีทั้งแรงงานไทยและต่างด้าวทำงานอยู่รวมกันจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขได้ออกคำแนะนำเป็นแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 โดยให้เจ้าของ/ผู้ประกอบการ จัดจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกายแรงงานและผู้เข้าสถานที่ทุกคน ล้างมือก่อนเข้าทำงาน สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา จัดให้เว้นระยะห่าง ทำความสะอาดพื้นที่บ่อย ๆ จัดระบบระบายอากาศที่ถ่ายเท ถ้าพบมีไข้ให้หยุดงานและไปพบแพทย์ หากมีแรงงานที่เข้ามาใหม่ต้องมีระบบการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพที่เคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นพิเศษ รวมทั้งขอความร่วมมือชะลอการนำแรงงานจากพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เข้ามาทำงานในขณะนี้ และไม่สนับสนุนการจ้างงานแรงงานผิดกฎหมาย

ในกรณีที่พบผู้ป่วยยืนยันหรือมีข้อมูลบ่งชี้ว่าสถานที่นั้นเป็นจุดแพร่เชื้อ จะต้องดำเนินการตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เช่น ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทันทีภายใน 24 ชั่วโมง รวมทั้งการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มเสี่ยงที่ได้จากข้อมูลการสอบสวน

“ขอความร่วมมือผู้ประกอบการและแรงงานปฏิบัติตามคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันตนเอง การ์ดอย่าตกและจัดมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุกในโรงงาน ซึ่งหลายพื้นที่ดำเนินการได้ดี โดยมีด่านหน้าคือ อสม. อสต. และรพ.สต.ในพื้นที่ ช่วยดูแลให้คำแนะนำ ซึ่งหากไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงจะไม่มีความจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิดในทุกโรงงาน หากมีข้อสงสัยสอบถามที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นพ.โสภณ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม