กทม.ลงพื้นที่สอบสวนโรคกลุ่มเสี่ยงติดโควิด

กทม.4 ก.ย.- กทม.ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เสี่ยงสอบสวนโรค ให้คำแนะนำ และเฝ้าระวัง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศรายใหม่


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.)เปิดเผยถึงกรณีพบผู้ต้องขังชายไทย 1ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางบางเขน ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ผู้ต้องขังรายนี้ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามกระบวนการของเรือนจำในระหว่างการกักตัวก่อนเข้าเรือนจำ พบว่ามีผลการตรวจเชื้อเป็นบวก โดยในการกักตัวได้แยกกักกันตัวสำหรับผู้ต้องขังใหม่ตามแนวทางควบคุมป้องกันโรค ไม่ได้อยู่รวมกับนักโทษอื่นๆ ซึ่งเป็นการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยหลังจากไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศมา 100 วัน นั้น

จากกรณีดังกล่าว ในส่วนของ กทม.ได้ดำเนินมาตรการป้องกันกันแพร่บาดของเชื้อดังกล่าว โดยเบื้องต้นช่วงเช้าวันนี้ (4 ก.ย.)สำนักอนามัย กทม.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงที่ทำงานของ ผู้ติดเชื้อ อีกทั้งมีการสอบถามหาผู้ใกล้ชิดเพิ่มเติมด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคที่บ้านของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คน ได้ให้คำแนะนำและทำการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจหาเชื้อทั้ง 5 คน ซึ่งจะทราบผลภายใน 2 วัน พร้อมทั้งขอให้กักตัวในที่พักอาศัยและได้มอบชุด Home Quarantine สำหรับใช้ในการสังเกตอาการตนเอง 14 วัน โดยมีศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ติดตามดูแล


สำหรับกลุ่มผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มผู้ต้องขังจะมีทีมเจ้าหน้าจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นผู้ดูแล ในส่วนของร้านที่ผู้ติดเชื้อทำงานได้มีการปิดร้านเป็นเวลา 14 วัน เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค สำนักอนามัยได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคติดตามให้คำแนะนำ และเก็บสิ่งส่งตรวจ ซึ่งจะทราบผลภายใน 2 วัน

สำหรับอาคารสถานที่ทั้งที่พักอาศัยและสถานที่ต่างๆ ที่ผู้ติดเชื้อได้เดินทางไป เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามมาตรฐานที่กำหนด ก่อนเจ้าหน้าที่จะฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออีกครั้ง โดยร้านสามวันสอง คืน @พระราม 3 และร้านเฟิร์สคาเฟ่ สำนักงานเขตพื้นที่ได้สั่งปิดให้บริการอย่างน้อย 14 วัน

นอกจากนี้สำนักอนามัยได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้คำแนะนำในการดูแลประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้หากประชาชนมีความกังวลใจว่าตนเองจะเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ สามารถทำแบบประเมินความเสี่ยงได้จากระบบคัดกรองความเสี่ยง BKK COVID-19 ด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ http://bkkcovid19.bangkok.go.th/ หรือขอคำปรึกษาแนะนำได้ที่เบอร์โทร. 0 2203 2393 และ 0 2203 2396 ตลอด 24 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”