สธ.3 ก.ย.-โฆษก สธ.แถลงความคืบหน้าวัคซีนโควิด ไทยเตรียมลงนามความร่วมมือเพิ่มช่องทางเข้าถึงวัคซีน ร่วมกับกาวีและองค์การอนามัยโลก นอกจากรอการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากออกฟอร์ด และวัคซีน mRNA
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ว่า ที่ประชุมมีความห่วงใยเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด-19ให้เพียงพอใช้ภายในประเทศ โดยมี 3 แนวทาง ได้แก่1.ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี 2.การพัฒนาและผลิตวัคซีน ชนิด mRNA ของไทย โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ3.เตรียมร่วมมือ ผ่านโครงการความร่วมมือนวัตกรรม องค์กรวัคซีนกาวี (Gavi) (จัดตั้งเพื่อให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนในประเทศต่างๆในโลก)และองค์การอนามัยโลกที่จะนำบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่มีความก้าวหน้าในโลก 10บริษัท มาร่วมกันในผลิตวัคซีน และแจกจ่ายวัคซีนให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา เพื่อให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเตรียมลงนามสัญญาในกลางเดือนกันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่การศึกษาข้อตกลง และรายละเอียดต่างๆ เพราะทำในนามรัฐบาลไทย
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ส่วนเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 ในไทย วันนี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น2 คน ทำให้ภาพรวมไทยมีการติดเชื้อโควิด 3,429 คน เป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย และ สหรัฐอเมริกา ขณะพักอยู่ state quarantine ส่วนสถานการณ์ในเมียนมา วันนี้พบผู้ป่วยเพิ่ม 76 คน เสียชีวิตเพิ่ม 6 คน ทำให้มียอดป่วยสะสม 938 คน เสียชีวิต รวม12 คน ทั้งนี้ พบการติดเชื้อในรัฐกะเหรี่ยงและย่างกุ้งจำนวนมาก และในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 600 คน จึงกำชับให้จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา เฝ้าระวังเข้ม
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ส่วนในช่วงวันหยุดยาวนี้ ทาง อสม.ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการควบคุมป้องกันโรค พบว่า เกณฑ์การสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือลดลง ช่วงวันหยุดยาว 4 วัน ขอให้ประชาชน ยังต้องเคร่งครัดเรื่องการป้องกันตนเองจากโควิด ทั้งสวมหน้ากากอนามัน หมั่นล้างมือ และทำระยะห่าง ขณะเดียวกันมีข่าวดีในวันที่ 21กันยานนี้ กรมบีญชีกลางเตรียมโอนเงินค่าเสี่ยงภัยจากกรณี อสม.ลงพื้นที่ค้นหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดจะออกและเข้าบัญชีของ อสม.ที่ทำงานทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดย อสม.จะได้รับคนละ 3,500 บาท .-สำนักข่าวไทย