fbpx

สธ.ชี้โควิดทั่วโลกยังรุนแรง ขอคนไทยร่วมป้องกันตัวเองต่อ

สธ.27 ส.ค.-“นพ.โสภณ”เผยโควิด-19 ทั่วโลกยังรุนแรง ในไทยแม้ขณะนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ 94วันแล้ว แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนยังต้องมีวินัยดูแลป้องกันตนเอง พร้อมเตือนผู้ปกครองระมัด ระวัง หลังมีข่าวเด็กใช้แอลกอฮอล์เจลทาแขนขาได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้   


กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2563 ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางต่างประเทศ (อินเดีย 1 ราย) และเข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,237 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.09 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 109 ราย หรือร้อยละ 3.20 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,404 ราย

สำหรับข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เดินทางมาจากประเทศอินเดีย สัญชาติอินเดีย อายุ 35 ปี เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 8 สิงหาคม 2563 เข้ากักตัวใน Alternative State Quarantine ที่กรุงเทพมหานคร เก็บตัวอย่างส่งตรวจครั้งแรกวันที่ 9 สิงหาคม 2563 ผลไม่พบเชื้อ และตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 21 สิงหาคม 2563 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ โดยก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 22 ราย


นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกยังมีการระบาดรุนแรงหลายประเทศ โดยประเทศเพื่อนบ้านมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนภายในประเทศ หลังเปิดการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์ สำหรับประเทศไทยแม้ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศกว่า 3 เดือนแล้ว (94 วัน) แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ยังคงมีโอกาสกลับมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะสามารถช่วยให้สถานการณ์ของประเทศอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ต่อไปได้คือ ประชาชนยังคงต้องมีวินัยในการดูแลป้องกันตนเอง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง หลักเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เพื่อให้ครอบครัว ชุมชน สังคม สถานที่ทำงานปลอดภัย

สำหรับกรณีที่มีข่าวเด็กใช้แอลกอฮอล์เจลทาแขน ขาและได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้นั้น ขอให้ผู้ปกครองระมัดระวังการใช้แอลกอฮอล์เจล ไม่ควรใช้กับเด็กทารกและเด็กเล็ก ให้ใช้สบู่และน้ำล้างมือ

ในการใช้แอลกอฮอล์เจล หากใช้ครั้งแรกควรทดสอบการแพ้ก่อน และควรใช้เพียง 2 – 3 ซีซี หรือครึ่งช้อนชา ใส่ลงในฝ่ามือถูให้ทั่วทั้ง 2 มือ นาน 20 วินาทีและปล่อยให้แห้ง ไม่ควรใช้กับบริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา ผิวหนังที่มีการอักเสบ หากสัมผัสบ่อยๆ ผิวอาจกระด้างได้ และหากทามือแล้วยังไม่แห้งควรหลีกเลี่ยงเปลวไฟ เนื่องจากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณมากสามารถติดไฟได้ รวมทั้งควรเก็บแอลกอฮอล์เจลในที่พ้นมือเด็ก และไม่ให้ถูกแสงแดดป้องกันการระเหยของแอลกอฮอล์ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

ร้อนทะลุ 42 องศาฯ จนท.ดับไฟป่า ฮีทสโตรก 3 ราย

อากาศร้อนทะลุ 42 องศาฯ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เข้าดับไฟป่า เกิดฮีทสโตรก หัวใจหยุดเต้น 3 ราย ต้องทำ CPR ก่อนหามลงเขาสูงชันกว่า 4 กม. ขึ้นรถส่งโรงพยาบาล