กรมการแพทย์ 22 ส.ค.-สถาบันมะเร็งฯ เผยคนไทยป่วยมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นวันละ 42คน แนะผู้มีปัจจัยเสี่ยง “สูบหรือรับควันบุหรี่-พันธุกรรม-สัมผัสสารก่อมะเร็ง” เข้ารับตรวจคัดกรอง พบระยะเริ่มต้น เข้ารับการรักษาตั้งแต่แรกๆ ช่วยลดความเสี่ยง-ลดการเสียชีวิตลงได้
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก รายงานว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลก 2 ล้านคนต่อปีและเสียชีวิต 1.7 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบคนไทยป่วยเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นวันละ 42 คน (Cancer in Thailand Vol. IX 2013-2015) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอด คือการสูบหรือรับควันบุหรี่ พันธุกรรม และการสัมผัสสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5
นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่ม เติมว่า อาการของมะเร็งปอดที่พบบ่อย ได้แก่ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไป เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ ปอดติดเชื้อบ่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด ที่มีประสิทธิภาพในระดับประเทศ แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจ คัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี การรักษาในปัจจุบัน ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี และการรักษาโดยให้ยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
“การตรวจคัดกรองในรายที่เสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งปอด จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถค้นพบผู้ป่วยระยะเริ่มต้นให้ได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงและลดการเสียชีวิตลงได้ สำคัญที่สุดในการป้องกันมะเร็งปอดคือเลิกสูบบุหรี่เพื่อตัวเอง ครอบครัวและสังคมรอบข้าง หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์” นพ.จินดา กล่าว .-สำนักข่าวไทย