ก.ยุติธรรม 21 ส.ค.-อายัดทรัพย์เครือข่าย “ชบา” ฟอกเงินธุรกิจสีเทา ผับ พนันออนไลน์ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ดีเอสไอเจาะข้อมูลพบวงเงินหมุนเวียน 1,000 ล้านบาทต่อปี ไม่พบเสียภาษีโยงขบวนการค้ายา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงความคืบหน้าการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายค้ายาเสพติด กลุ่มของ น.ส.ชบา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดรายเก่า และพบว่ามีการเปิดบัญชีเงินฝากรับโอนเงินจำนวน 65 บัญชีกระจายไปยังบัญชีอื่นๆอีกจำนวนมาก เส้นทางการเงินมีทั้งโอนเข้าบัญชีในประเทศ และบัญชีต่างประเทศเทศ รวมทั้งยังพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย และจากการขยายผลการตรวจสอบพบว่า น.ส.ชบา เป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจสีเทา เช่น สถานบันเทิง ประเภท ผับ และกลุ่มพนันออนไลน์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างการขยายผลสอบเพิ่มเติม และยังไม่พบว่ามีนายทุนใหญ่เข้ามาหนุนหลัง
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบเครือข่ายของน.ส.ชบานั้น ดีเอสไอได้ใช้เวลาในการติดตามกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมานานกว่า 3 เดือน โดยนำเทคโนโลยีสืบค้นธุรกรรมทางการเงินมาใช้เพียง 2 เดือน ก็สามารถเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตัวการสำคัญได้ ทั้งยังสามารถแยกกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดออกไปเป็นวงกว้าง และจากการตรวจสอบข้อมูลทางธนาคาร ข้อมูลการชำระภาษี ของกรมสรรพากร พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นหลัก100–1,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนใหญ่ไม่มีการชำระภาษี และเมื่อตามเส้นทางของบุคคลเหล่านี้พบว่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เมื่อรวบรวมข้อมูลจนมั่นใจว่ากลุ่มบุคคลนี้ได้กระทำการเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ดีเอสไอจึงรับเป็นคดีพิเศษ
และเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ดีเอสไอจึงเข้าตรวจค้นเครือข่ายของ น.ส.ชบาพร้อมกัน 5 จุด คือ จังหวัดชลบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร 2 จุด คือพื้นที่เขตบางเขน และเขตตลิ่งชัน โดยจุดที่สามารถอายัดทรัพย์สินได้มากที่สุดในการลงพื้นที่ คือเขตตลิ่งชันได้ทองคำแท่งน้ำหนักประมาณ 1,000 บาท พระเครื่องและสร้อยทองคำ รวม 35 รายการ เครื่องประดับอื่นอีก 10 รายการ และยังพบธนบัตรไทยและธนบัตรต่างชาติอีกประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาท
นอกจากนี้ยังพบบัญชีธนาคาร จำนวน 65 บัญชี มูลค่า 50 ล้านบาท บ้านพร้อมที่ดินจำนวน 85 รายการ มูลค่า 340 ล้านบาท รถยนต์ 97 คัน มูลค่ากว่า 83 ล้านบาท ทองคำ 1,064 บาท มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท พระกรอบทอง พร้อมสร้อยทอง 30 รายการ มูลค่ากว่า 2 ล้าน กระเป๋าแบรนด์เนม 11ใบ มูลค่ากว่า 8 แสนบาท เครื่องประดับ มูลค่า 5 แสนบาท รวมทั้งเงินสดสกุลต่างๆ อาทิ เงินดอลลาร์ เงินกีบลาว เงินดองเวียดนาม รวมทั้ง 1. 2 ล้านบาท และรวมมูลค่าการยึดทรัพย์ประมาณ 500 ล้านบาท และยังได้ยึดอายัดไม้แปรรูปในจังหวัดสมุทรสาครได้อีกจำนวนหนึ่ง จึงประสานให้กรมป่าไม้ตรวจสอบว่าไม้เป็นชนิดใด มีปริมาณเท่าใด หากพบว่าเป็นไม้ ที่ไม่ถูกต้อง ดีเอสไอจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
แหล่งข่าวชุดจับกุมจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับไม้ที่ยึดได้จากจังหวัดสมุทรสาคร เป็นไม้พะยูงนำเข้าจากแอฟริกาไม่มีหลักฐานสำแดงจากรมศุลกากร คาดว่าเป็นการลักลอบนำเข้ามาทางเรือด้านแม่น้ำโขง คาดว่าไม้ดังกล่าวอาจเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของผิดหมาย ซึ่งไม้ดังกล่าวทาง กรมป่าไม้ได้ตีมูลค่าไว้จำนวน 20 ล้านบาท ส่วนเจ้าของผู้มีชื่อครอบครองไม้เป็นผู้ทำธุรกิจอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งค้าสัตว์ป่า และปัจจุบันได้เสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้มาลาเรียจึงต้องขยายผลสอบเพิ่มเติมว่า นอกจากบุคคลรายนี้แล้วยังมีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติตัดวงจรยาเสพติดดำเนินการมาตลอด 7 เดือน ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการปรามปราบยาเสพติดให้ได้มากที่สุด จากปีก่อนสถิติการยึดทรัพย์ ที่ทำได้ทั้งปีเฉลี่ยเพียง 600 ล้านบาท แต่เมื่อนำวิธีการตัดวงจรมาใช้ไม่ถึง 1 ปี สามารถยึดได้กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกินเป้ากว่าที่กำหนด และในปีต่อไปจะทำงานให้เข้มข้นตามแนวทาง 10 X RULE หรือทำงาน 10 เท่า คือมีเป้าหมายตัดวงจรยาเสพติดให้ได้ กว่า 6,000 ล้าน ซึ่งมั่นใจว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย