“ครูเกษียณอัสสัมชัญ” ชนะคดี

กทม.6 ส.ค.-ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ พิพากษายืนตามศาลแรงงานกลาง ให้มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ-รร.อัสสัมชัญ ชําระค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน-เงินบํานาญ-เงินขั้นเพิ่มของเงินบํานาญต่อปี ตามสัญญาจ้างย้อนหลัง นับแต่วันเกษียณพร้อมดอกเบี้ยแก่ครูเกษียณ รร.อัสสัมชัญ ภายใน 15 วัน เป็นบรรทัดฐานให้ครูโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศเมื่อเกษียณมีสิทธิได้รับค่าชดเชย


เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ แผนกแรงงาน ได้อ่านคําพิพากษาให้มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้รับใบอนุญาต และนายจ้างและโรงเรียนอัสสัมชัญ ชําระเงินคืนค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน และเงินบํานาญรายเดือนและเงินขั้นเพิ่มของเงินบํานาญต่อปีตามสัญญาจ้าง แก่ครูเกษียณโรงเรียนอัสสัมชัญและ โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม ภายใน 15 วัน หลังจากครูถูกละเมิดสิทธิทางแรงงานมากว่า 10 ปี

ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีข่าวความเดือดร้อนของครูเกษียณโรงเรียนอัสสัมชัญ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ เป็นโรงเรียนประถมและมัธยม นักเรียนชายล้วนที่มีอายุกว่า 134 ปี และเป็นที่ทราบดีถึงเศรษฐานะของมูลนิธิฯว่าอยู่ในฐานะค่อนข้างดีจากเงินบริจาคแรกเข้าเพื่อการศึกษา


แต่กลับปรากฏสภาพความเดือดร้อน ความลําบากในการยังชีพของครูเกษียณที่ถูกเปิดเผย โดยกลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญว่าหลายคนใช้ชีวิตยามชราภาพอย่างยากลําบาก ซึ่งเมื่อได้ศึกษาถึงต้นเหตุแล้ว พบว่าถูกละเมิดสิทธิทางแรงงาน ได้แก่ถูกบังคับให้เขียนหนังสือลาออกเมื่อเกษียณอายุ ส่งผลให้ไม่ได้รับค่าชดเชยหรือเงิน 10เดือน ตามกฎหมายแรงงาน และไม่ได้รับเงินบํานาญตามสัญญาจ้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่ผู้บริหารมูลนิธิมีสัญญาว่าจะให้ แต่กลับมายกเลิกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากครูในฐานะลูกจ้าง

ความไม่เป็นธรรมที่ครูเกษียณโรงเรียนได้รับเกินกว่าที่ ศิษย์เก่าจะเพิกเฉยได้ จึงได้หาแนวทางช่วยเหลือครูเกษียณผ่านงานการกุศลต่างๆ ที่สําคัญพยายามเจรจาหาทางออกกว่า10ครั้งตลอดกว่า10 ปีที่ผ่านมากับผู้บริหารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ แต่ถูกปฏิเสธบ่ายเบี่ยง จนไม่สามารถจะแก้ ปัญหาด้วยการเจรจาได้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับครูเกษียณ ทางกลุ่มศิษย์เก่าจึงได้เข้าไปช่วยเหลือครูเกษียณ 14 คนแรกที่ใกล้หมดอายุความ ในการมาขอความเมตตาจากศาลแรงงาน เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 โดยแบ่งโจทก์เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มแรก กลุ่มครูเกษียณ 10 คนแรกที่ถูกบังคับให้เขียนหนังสือลาออก และไม่ได้รับค่าชดเชย หรือเงิน 10 เดือนตามกฎหมายเมื่อถูกเลิกจ้าง


2.กลุ่มที่สอง กลุ่มครูเกษียณ 4 คนที่เกษียณอายุปีการศึกษา 2560 ที่ไม่ได้รับเงินบํานาญ ตามสัญญาจ้าง เพราะถูกอ้างว่า สัญญาที่จะให้เงินบํานาญเป็นสัญญาของมูลนิธิ ไม่ใช่สัญญาของ โรงเรียน ในเมื่อครูเป็นลูกจ้างของโรงเรียนจึงไม่มีสิทธิได้รับสวัสดิการจากระเบียบของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย

กว่า 20 เดือนในการสู้คดีและสืบพยาน ผู้บริหารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ และโรงเรียนอัสสัมชัญ ปฏิเสธที่จะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และใช้เทคนิคทาง กฎหมายในการประวิงเวลาของคดี โดยการขอชี้เขตอํานาจศาล เพื่อเลื่อนเวลาในการสืบพยาน/ไต่สวนในชั้นศาลออกไปกว่าหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ศาลแรงงานได้มีคําพิพากษาคืนความเป็นธรรมให้ครูเกษียณอัสสัมชัญทั้ง 14 คน ดังนี้

กลุ่มแรก กลุ่มครูเกษียณ 10 คนนั้นมีเจตนารมณ์ที่จะสิ้นสุดสภาพการจ้างด้วยการเกษียณอายุจริง เพราะตั้งใจทํางานจนถึงวันสุดท้ายของปีการศึกษา และไม่ได้ประสงค์จะลาออก/ไปทํางานอื่นแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อเกษียณอายุเป็นการเลิกจ้าง ครูเกษียณ 10 คนจึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตาม กฎหมายแรงงาน (เงิน10เดือน) พร้อมดอกเบี้ย 15%/ปี รวมเป็นเงินประมาณ 6,000,000 บาท

กลุ่มที่สอง กลุ่มครูเกษียณ 4 คนนั้นเป็นลูกจ้างของโรงเรียนอัสสัมชัญซึ่งมีมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯเป็นผู้รับใบอนุญาต และเป็นผู้แทนนิติบุคคลโรงเรียนอัสสัมชัญ ตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 และในทางปฏิบัติ ครูโรงเรียนอัสสัมชัญ ต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ/นโยบายของมูลนิธิ รวมทั้งแนวทางการกําหนดการขึ้นเงินเดือน เงินประจําตําแหน่งต่างๆ ล้วนถูกกําหนดเกณฑ์จากมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ ดังนั้นแล้ว สัญญาจ้างของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯในฐานะนายจ้างที่ได้ทําสัญญาว่าจ้างครูโรงเรียนอัสสัมชัญนั้น ได้ระบุสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ไว้ว่าเมื่อเกษียณ อายุ มีสิทธิได้รับเงินบํานาญ จึงมีผลผูกพันให้ครูเกษียณทั้ง 4 คนมีสิทธิได้รับเงินบํานาญย้อนหลัง ตามสัญญาจ้างตั้งแต่วันที่เกษียณถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 30 เดือน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมเป็นเงินประมาณ 2,000,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หลังศาลแรงงานกลางได้มีคําพิพากษาเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2562 ผู้บริหารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯและโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้เลือกที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คดี และนําเงินไปวางประกันที่ชั้นศาลแทน ส่งผลให้ครูเกษียณทั้ง 14 คนยังไม่ได้รับเงินคืนตามสิทธิ ต้องอดทนรอผลคําพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษต่อไปร่วม 30 เดือน หลังจากวันที่มายื่นขอความเมตตาจากศาล เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ ได้นัดอ่านคําพิพากษา โดยมีใจความสําคัญยืนตามคําพิพากษาศาลแรงงานกลาง และวินิจฉัยเพิ่มเติมให้มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลและโรงเรียนอัสสัมชัญ ร่วมกันชําระเงินคืนแก่ครูเกษียณโรงเรียนอัสสัมชัญ ดังนี้

1.ค่าชดเชย พร้อมดอกเบี้ย 15% ต่อปี ตามกฎหมายแรงงาน (ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการคุ้มครองการทํางานของครูใหญ่ และครูโรงเรียนเอกชน 2542)

2.เงินบํานาญรายเดือน ตามสัญญาจ้าง พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่เกษียณ และให้ไปตลอดชีวิตของครูเกษียณ

3.ขั้นเงินเพิ่มของเงินบํานาญในทุกเดือนพฤษภาคมของทุกปี ตามสัญญาจ้าง พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่เกษียณ และให้ไปตลอดชีวิตของครูเกษียณ

แม้ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษได้มีคําพิพากษาแล้ว และมีคําสั่งให้จําเลยปฏิบัติตามคําพิพากษาภายใน 15 วันแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีผลผูกพันคืนสิทธิให้แก่ครูเกษียณแค่ 14คนที่เป็นโจทก์เท่านั้น แต่ครูเกษียณและครูที่กําลังเกษียณโรงเรียนอัสสัมชัญอีกหลายร้อยคนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนี้

1.ครูโรงเรียนอัสสัมชัญที่เกษียณแล้ว แต่ถูกบังคับไม่ให้รับเงินบํานาญตามสัญญาจ้าง และถูกบังคับให้ลาออกและไม่ได้รับค่าชดเชย อีกกว่า 20 คน

2.ครูโรงเรียนอัสสัมชัญที่เกษียณแล้ว ได้รับเงินบํานาญตามสัญญาจ้าง แต่ถูกบังคับให้ลาออก และไม่ได้รับค่าชดเชยอีกกว่า 100 คน

3.ครูโรงเรียนอัสสัมชัญที่ทํางานอยู่ในปัจจุบันอีกกว่า 200 คนได้ถูกนายจ้างเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้าง ยกเลิกสิทธิรับเงินบํานาญเมื่อเกษียณ โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากครู ทั้งที่มีข้อตกลงสัญญากันมาก่อนว่าเมื่อเกษียณมีสิทธิรับเงินบํานาญ

4.ครูปัจจุบันและครูเกษียณในโรงเรียนอื่นๆที่มีมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ เป็นผู้รับใบอนุญาต เช่น โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนมงฟอร์ต โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เป็นต้น ล้วนแต่ถูกละเมิดสิทธิการได้รับค่าชดเชยเมื่อเกษียณ และถูกบังคับไม่ให้รับเงินบํานาญตามสัญญาจ้าง ไม่ต่างกับครูเกษียณและครูปัจจุบันของโรงเรียนอัสสัมชัญ

ทั้งนี้ แม้ครูเกษียณทั้ง 14 คนที่ได้รับคืนสิทธิตามสัญญาจ้างและกฎหมาย แต่ก็ประสงค์ที่จะมอบเงินส่วนหนึ่งไว้แบ่งปันช่วยเหลือเพื่อนครูเกษียณที่ใช้ชีวิตวัยชราอย่างลําบากเพราะถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับเงินบํานาญ ไม่ได้รับค่าชดเชย ซึ่งเกษียณมาร่วม 20 ปี ซึ่งหมดอายุความแล้ว ให้ได้รับความเป็นธรรมในบั้นปลายชีวิตบ้าง แสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ของครอบครัวครูโรงเรียนอัสสัมชัญ

จากผลของคําพิพากษาดังกล่าวเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้แก่ครูโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ ที่ได้รับการคุ้มครองตามระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทํางาน ครูและครูใหญ่โรงเรียนเอกชน 2542 และ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 ว่าเมื่อเกษียณอายุ ซึ่งเป็นหนึ่งในการเลิกจ้าง ครูเกษียณโรงเรียนเอกชนมีสิทธิได้รับค่าชดเชย ทั้งนี้ ค่าชดเชยและเงินบําเหน็จบํานาญ เป็นเงินคนละประเภทกัน ไม่สามารถนํามาทดแทนกันได้ เพราะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและวิธีคํานวณที่แตกต่างกัน

จากผลของคําพิพากษาของศาลแรงงานและศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษได้ยืนยันความชอบธรรมและความถูกต้องให้กับครูเกษียณอัสสัมชัญร่วมร้อยคนและครูโรงเรียนอัสสัมชัญ ปัจจุบันกว่า 300 คนว่ามีสิทธิได้รับเงินบํานาญเมื่อเกษียณตามสัญญาจ้าง และมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อเกษียณตามกฎหมายแรงงาน ทั้ง 2อย่าง ซึ่งหวังว่าจะได้มีการพูดคุยหาทางออกร่วมกับผู้บริหารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลต่อไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และความถูกต้องตามกฎหมาย แก่ครูเกษียณและครูปัจจุบันกว่า 1,000 คนในกว่า 14 โรงเรียนในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯต่อไป และหวังว่าการปฏิรูประบบแรงงานและสวัสดิการของครูในครั้งนี้จะเป็นการริเริ่มที่นําไปสู่การปฏิรูปการศึกษาและแรงงานของประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย

บุกจับแอดมินแอปฯ ดัง นำเด็กไลฟ์แสวงหาประโยชน์

ร้อยเอ็ด 10 ก.ค.- มท.1 ลุยต่อ สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำหมายศาลบุกจับแอดมินกลุ่มแอปฯ ดัง นำเด็กมาเปลือยไลฟ์ออนไลน์แสวงหาประโยชน์ พร้อมช่วย 2 เด็กสาวเหยื่อค้ามนุษย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “Discord disconnected” จับกุมหนุ่มนำเด็กสาวมาเปลือยไลฟ์สดออนไลน์หารายได้ โดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง ร่วมกับนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พล.ต.ต.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด นายพุทธภูมิ นาชัยเริ่ม นายอำเภอธวัชบุรี สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง พ.ต.อ. ภาสกร หินเธาว์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองร่วมเข้าแสดงหมายค้นหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด จับกุมหนุ่ม นำเด็กมาเปลือยไลฟ์สดออนไลน์หารายได้ พร้อมตรวจค้นบ้านเพื่อหาพยานหลักฐานในพื้นที่อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สืบเนื่องจากกรมการปกครอง […]

กรมอุตุฯ เตือน 6 จังหวัดรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 10 ก.ค.- กรมอุตุฯ เตือน 6 จังหวัด บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี และตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะในบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 11-13 ก.ค. ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน […]