30 มิ.ย. – ปลัดแรงงาน เผยวาระปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท/วัน เข้าที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้ หากเห็นชอบ มีผล 1 ก.ค.68 เป็นต้นไป
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น โดยทราบว่า ครม.ได้บรรจุวาระในการพิจารณาในการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ว่าทั่วทุกพื้นที่กรุงเทพมหานครจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ในขณะที่พื้นที่ต่างจังหวัดมีการปรับค่าแรงขึ้นเป็น 400 บาท แต่เฉพาะบางกิจการมีคุณสมบัติ ดังนี้ โรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป กิจการที่มีห้องอาหารในโรงแรม สถานบริการ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ เช่น คาราโอเกะ ค็อกเทลเลานจ์ เป็นต้น โดยหาก ครม.เห็นชอบ และมีการประกาศในราชกิจจาฯ ก็จะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ 1 ก.ค.68 เป็นต้นไป
ส่วนการเสนอวาระเข้าที่ประชุม ครม.นั้นไม่มีปัญหา และได้มีการยื่นวาระเรื่องนี้ไปตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนแล้ว ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวต่อไปว่า แนวทางการขึ้นค่าแรงต้องรับฟังความเห็นของคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งมีทั้ง 3 ฝ่ายไตรภาคี โดยเมื่อการประชุมที่มีมติปรับขึ้นครั้งล่าสุดนั้นที่ประชุมก็เห็นตรงกันที่จะมีการพิจารณา แนวทางตามสภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่พุ่งสูงโดยเฉพาะใน กทม. และประเภทกิจการที่ขึ้นนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นแรงงานคนไทย โดยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ ปรับขึ้นในกลุ่มของภาคการท่องเที่ยวและบริการไปก่อน และคาดว่าจะมีแรงงานที่จะได้รับประโยชน์ ประมาณ 7 – 8 แสนคน
ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังเพิ่มเติมว่า ส่วนของประกันสังคมเน้นย้ำการให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน และมองถึงประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ โดยประกันสังคมเพิ่มประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่ปรับเพิ่มให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานในอัตรา 60% ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วัน จากเดิมได้รับในอัตรา 50% เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้าง ได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.68 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนที่ลาออกจากงานหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะได้รับเงินทดแทนในอัตรา 30% ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน โดยการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง. -417-สำนักข่าวไทย