สธ. 30 มิ.ย. – เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือกระทรวงสาธารณสุข เร่งผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา ค้านการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด เตรียมชุมนุม 7 ก.ค.
นางสาวช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา ประธานเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อยืนหนังสือขอให้เร่งผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา และขอคัดค้านร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีใจความว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ได้จัดให้ มีการรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ปรากฏว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยังไม่มีการนำร่าง พ.ร.บ.กัญชาเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาในลำดับถัดไป แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานนับปีแล้วก็ตาม ส่งผลให้ในขณะนี้ประเทศไทยไม่มีกฎหมายแม่บทสำหรับการจัดการกัญชาเชิงระบบของประเทศ ซึ่งส่งผลเสียในหลายมิติ
เพื่อให้การจัดการกัญชาของประเทศไทยเป็นไปโดยความถูกต้อง ควรมีกฎหมายแม่บทในระดับพระราชบัญญัติเพื่อกำกับทิศทางหลักตั้งแต่การปลูก การแปรรูป การขาย การคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งการมีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติจะเป็นการกำหนดแนวทางหลักสำหรับการออกระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชา หากไม่มีกฎหมายแม่บทจะทำให้รัฐมนตรีออกระเบียบปฏิบัติแบบไร้ทิศทาง ส่งผลเสียต่อหลายฝ่าย อย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยมีข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดังนี้
1.ไม่เห็นด้วยกับร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ที่เพิ่งผ่านขั้นตอนการรับฟังความเห็น เนื่องจากร่างประกาศกระทรวงดังกล่าวมิได้ พิจารณาข้อมูลที่มีความสำคัญอย่างรอบด้าน และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการกำหนดสิทธิ การเข้าถึงกัญชาด้วยการยกสิทธิการวินิจฉัยสิทธิการใช้ไปให้ผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้งนี้การออกระเบียบปฏิบัติควร จะต้องดำเนินการตามกฎหมายแม่บทเพื่อให้การออกระเบียบปฏิบัติทั้งหมดเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
2.ขอให้เร่งผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกัญชาโดยไว ซึ่งในขณะนี้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชาจากภาคส่วนต่างๆหลายฉบับ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการร่วมกันกำหนดสาระสำคัญในพระราชบัญญัติกัญชา ซึ่งจะเป็นการกำหนดทิศทางโดยรวมของพืชกัญชาในประเทศไทย
- ขอให้ยุติการดำเนินการที่จะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด
ด้านนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับหนังสือแทน ได้ระบุว่า การที่มีนโยบายที่จะให้กัญชากลับไปเป็นสมุนไพรควบคุม ต้องผ่านความเห็นของแพทย์และประชาชน ซึ่งคนที่เสนอนโยบายคือพรรคภูมิใจไทย ก็ใช้กฎเกณฑ์นี้เช่นกัน ซึ่งการเขียนเพิ่มลงไปก็เป็นการเพิ่มกรอบที่ชัดเจนมากขึ้น
ส่วนที่ว่ามีใบรับรองแพทย์เถื่อนขายในอินเทอร์เน็ตนั้น นายกองตรี ดร.ธนกฤต ระบุว่า คนเป็นหมอออกใบรับรองแพทย์โดยไม่ได้มีการวินิจฉัย หรือออกเพื่อขาย คนที่จะถูกดำเนินการเกี่ยวกับวิชาชีพ ก็คือตัวหมอเอง หากขายเพื่อเอาเงินไม่กี่บาท มองว่าไม่คุ้มถ้าจะทำแบบนี้
โดยในวันที่ 7 กรกฎาคม เวลา 13:00 น. ทางเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะมีการชุมนุมที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันจุดยืน ผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา และขอให้ยกเลิกประกาศควบคุมสมุนไพร(กัญชา)
ขณะเดียวกันวันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดแถลงข่าว มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 22 โดยมอบให้นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนทางเลือกช่วยชี้แจงเกี่ยวกับใบสั่งแพทย์ ซึ่งมีการยื่นเสนอแล้ว เตรียมลงราชกิจจานุเบกษาคาดว่าจะมีประกาศภายในวันนี้ โดยมีรายละเอียดตามวิชาชีพที่สามารถตรวจสอบได้ มีการระบุชื่อผู้หมอ โรคที่จำเป็นต้องใช้กัญชา ซึ่งจะมีคำแนะนำตาม 2 กลุ่มวิชาชีพ ได้แก่ ตามแพทยสภา และตามแบบแพทย์แผนไทย ซึ่งมีเพียง 7 กลุ่มวิชาชีพที่สามารถเขียนในสั่งจ่ายยาได้ คือ 1.เวชกรรม 2.แพทย์แผนไทย 3.แพทย์แผนไทยประยุกต์ 4.ทันตกรรม 5.เภสัชกรรม 6.ผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาแพทย์แผนจีน และ 7.หมอพื้นบ้าน โดยยกเลิกการกำหนด 15 กลุ่มอาการที่เคยกำหนดอยู่ก่อนหน้านี้, ในกลุ่มวิชาชีพแพทยสภารักษาได้ 4 กลุ่มโรค คือ โรคลมชัก, อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการรักษาโรค เช่น มะเร็ง, โรคที่เกี่ยวกับการปวดเส้นประสาท และการโรคกล้ามเนื้อ ส่วนในกลุ่มแพทย์แผนไทย ใช้รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ และเบื่ออาหาร
ขั้นตอนคือ ผู้ป่วยต้องตรวจรักษากับแพทย์โดยตรง หากมีการวินิจฉัยว่าจะเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษา ก็จะได้รับใบสั่งแพทย์ให้สามารถซื้อกัญชาได้ ซึ่งแพทย์จะต้องจดบันทึกรายงานว่าซื้อกัญชาเท่าไหร่ จากที่ไหน จ่ายออกไปเท่าไหร่ กับผู้ป่วยคนใด ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะมีการตรวจสอบในทุกสัปดาห์
เบื้องต้น ในตอนนี้ให้ระยะเวลาร้านที่ประกอบกิจการได้ระบายของ หากตรวจสอบพบว่า ไม่มีการขออนุญาตประกอบกิจการ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือหากมีใบอนุญาตแต่ไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษพักใบอนุญาต และหลังจากนี้ร้านที่ขายกัญชาต้องประกอบกิจการเป็นคลินิก หรือสถานพยาบาลเท่านั้น
ด้านนายสมศักดิ์ ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวในเรื่องนี้ มีเพียงพูดถึงมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 นี้ เน้นสมุนไพรทางการแพทย์ 5 ชนิด ซึ่งมีทั้งกัญชาและกระท่อม แต่ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น โดยในปีนี้ เดินหน้าดันสมุนไพรไทยสู่เศรษฐกิจสุขภาพ “ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย” สู่ระดับนานาชาติ คาดเงินสะพัดกว่า 350 ล้านบาท
โดยในปี 2569 ทางกระทรวงสาธารณสุขวางเป้าหมายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพไทย มูลค่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหัตถการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 1,000 ล้านบาท และการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายขนาดตลาดสมุนไพรไทยจากเดิม 42,000 ล้านบาทในปี 2566 ให้แตะถึง 84,900 ล้านบาทภายในปี 2570.- 420-สำนักข่าวไทย