เครือข่ายกัญชายื่นหนังสือ สธ. ค้านนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด

สธ. 30 มิ.ย. – เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือกระทรวงสาธารณสุข เร่งผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา ค้านการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด เตรียมชุมนุม 7 ก.ค.


นางสาวช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา ประธานเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อยืนหนังสือขอให้เร่งผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา และขอคัดค้านร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีใจความว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ได้จัดให้ มีการรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ปรากฏว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยังไม่มีการนำร่าง พ.ร.บ.กัญชาเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาในลำดับถัดไป แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานนับปีแล้วก็ตาม ส่งผลให้ในขณะนี้ประเทศไทยไม่มีกฎหมายแม่บทสำหรับการจัดการกัญชาเชิงระบบของประเทศ ซึ่งส่งผลเสียในหลายมิติ

เพื่อให้การจัดการกัญชาของประเทศไทยเป็นไปโดยความถูกต้อง ควรมีกฎหมายแม่บทในระดับพระราชบัญญัติเพื่อกำกับทิศทางหลักตั้งแต่การปลูก การแปรรูป การขาย การคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งการมีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติจะเป็นการกำหนดแนวทางหลักสำหรับการออกระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชา หากไม่มีกฎหมายแม่บทจะทำให้รัฐมนตรีออกระเบียบปฏิบัติแบบไร้ทิศทาง ส่งผลเสียต่อหลายฝ่าย อย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้


เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยมีข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดังนี้

1.ไม่เห็นด้วยกับร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ที่เพิ่งผ่านขั้นตอนการรับฟังความเห็น เนื่องจากร่างประกาศกระทรวงดังกล่าวมิได้ พิจารณาข้อมูลที่มีความสำคัญอย่างรอบด้าน และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการกำหนดสิทธิ การเข้าถึงกัญชาด้วยการยกสิทธิการวินิจฉัยสิทธิการใช้ไปให้ผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้งนี้การออกระเบียบปฏิบัติควร จะต้องดำเนินการตามกฎหมายแม่บทเพื่อให้การออกระเบียบปฏิบัติทั้งหมดเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

2.ขอให้เร่งผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกัญชาโดยไว ซึ่งในขณะนี้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชาจากภาคส่วนต่างๆหลายฉบับ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการร่วมกันกำหนดสาระสำคัญในพระราชบัญญัติกัญชา ซึ่งจะเป็นการกำหนดทิศทางโดยรวมของพืชกัญชาในประเทศไทย


  1. ขอให้ยุติการดำเนินการที่จะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด

ด้านนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับหนังสือแทน ได้ระบุว่า การที่มีนโยบายที่จะให้กัญชากลับไปเป็นสมุนไพรควบคุม ต้องผ่านความเห็นของแพทย์และประชาชน ซึ่งคนที่เสนอนโยบายคือพรรคภูมิใจไทย ก็ใช้กฎเกณฑ์นี้เช่นกัน ซึ่งการเขียนเพิ่มลงไปก็เป็นการเพิ่มกรอบที่ชัดเจนมากขึ้น

ส่วนที่ว่ามีใบรับรองแพทย์เถื่อนขายในอินเทอร์เน็ตนั้น นายกองตรี ดร.ธนกฤต ระบุว่า คนเป็นหมอออกใบรับรองแพทย์โดยไม่ได้มีการวินิจฉัย หรือออกเพื่อขาย คนที่จะถูกดำเนินการเกี่ยวกับวิชาชีพ ก็คือตัวหมอเอง หากขายเพื่อเอาเงินไม่กี่บาท มองว่าไม่คุ้มถ้าจะทำแบบนี้

โดยในวันที่ 7 กรกฎาคม เวลา 13:00 น. ทางเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะมีการชุมนุมที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันจุดยืน ผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา และขอให้ยกเลิกประกาศควบคุมสมุนไพร(กัญชา)

ขณะเดียวกันวันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดแถลงข่าว มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 22 โดยมอบให้นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนทางเลือกช่วยชี้แจงเกี่ยวกับใบสั่งแพทย์ ซึ่งมีการยื่นเสนอแล้ว เตรียมลงราชกิจจานุเบกษาคาดว่าจะมีประกาศภายในวันนี้ โดยมีรายละเอียดตามวิชาชีพที่สามารถตรวจสอบได้ มีการระบุชื่อผู้หมอ โรคที่จำเป็นต้องใช้กัญชา ซึ่งจะมีคำแนะนำตาม 2 กลุ่มวิชาชีพ ได้แก่ ตามแพทยสภา และตามแบบแพทย์แผนไทย ซึ่งมีเพียง 7 กลุ่มวิชาชีพที่สามารถเขียนในสั่งจ่ายยาได้ คือ 1.เวชกรรม 2.แพทย์แผนไทย 3.แพทย์แผนไทยประยุกต์ 4.ทันตกรรม 5.เภสัชกรรม 6.ผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาแพทย์แผนจีน และ 7.หมอพื้นบ้าน โดยยกเลิกการกำหนด 15 กลุ่มอาการที่เคยกำหนดอยู่ก่อนหน้านี้, ในกลุ่มวิชาชีพแพทยสภารักษาได้ 4 กลุ่มโรค คือ โรคลมชัก, อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการรักษาโรค เช่น มะเร็ง, โรคที่เกี่ยวกับการปวดเส้นประสาท และการโรคกล้ามเนื้อ ส่วนในกลุ่มแพทย์แผนไทย ใช้รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ และเบื่ออาหาร

ขั้นตอนคือ ผู้ป่วยต้องตรวจรักษากับแพทย์โดยตรง หากมีการวินิจฉัยว่าจะเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษา ก็จะได้รับใบสั่งแพทย์ให้สามารถซื้อกัญชาได้ ซึ่งแพทย์จะต้องจดบันทึกรายงานว่าซื้อกัญชาเท่าไหร่ จากที่ไหน จ่ายออกไปเท่าไหร่ กับผู้ป่วยคนใด ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะมีการตรวจสอบในทุกสัปดาห์

เบื้องต้น ในตอนนี้ให้ระยะเวลาร้านที่ประกอบกิจการได้ระบายของ หากตรวจสอบพบว่า ไม่มีการขออนุญาตประกอบกิจการ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือหากมีใบอนุญาตแต่ไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษพักใบอนุญาต และหลังจากนี้ร้านที่ขายกัญชาต้องประกอบกิจการเป็นคลินิก หรือสถานพยาบาลเท่านั้น

ด้านนายสมศักดิ์ ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวในเรื่องนี้ มีเพียงพูดถึงมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 นี้ เน้นสมุนไพรทางการแพทย์ 5 ชนิด ซึ่งมีทั้งกัญชาและกระท่อม แต่ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น โดยในปีนี้ เดินหน้าดันสมุนไพรไทยสู่เศรษฐกิจสุขภาพ “ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย” สู่ระดับนานาชาติ คาดเงินสะพัดกว่า 350 ล้านบาท

โดยในปี 2569 ทางกระทรวงสาธารณสุขวางเป้าหมายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพไทย มูลค่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหัตถการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 1,000 ล้านบาท และการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายขนาดตลาดสมุนไพรไทยจากเดิม 42,000 ล้านบาทในปี 2566 ให้แตะถึง 84,900 ล้านบาทภายในปี 2570.- 420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย