16 มิ.ย. – ศธ.-สพฐ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนชายแดนศรีสะเกษ เน้นย้ำแผนเผชิญเหตุปกป้องนักเรียน-ครูในพื้นที่เสี่ยงชายแดนไทย–กัมพูชา
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ, ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ โรงเรียนบ้านภูมิชรอล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 และโรงเรียนภูมิชรอลวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศ โอกาสนี้ รมว.ศธ. ได้มอบนโยบายด้านการศึกษาและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน พร้อมด้วยผู้แทนจากมูลนิธิคอนเน็กซ์อีดี มอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กให้แก่ทั้งสองโรงเรียน โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและนักเรียน ร่วมให้การต้อนรับ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ต้องการมาเห็นความจริงในพื้นที่ชายแดนด้วยตาตนเอง เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะโดยตรงจากโรงเรียน ครู นักเรียน และผู้บริหารสถานศึกษา เพราะเราเชื่อว่าทุกโรงเรียน ทุกชีวิตในพื้นที่ชายแดนมีคุณค่าไม่ต่างจากพื้นที่อื่น ๆ การศึกษาไม่ควรถูกจำกัดด้วยสภาพภูมิประเทศ หรือสถานการณ์ทางความมั่นคง และผมยืนยันว่ากระทรวงศึกษาธิการจะไม่ทอดทิ้งโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงเหล่านี้ เราจะดูแลทั้งด้านคุณภาพการศึกษา ความปลอดภัย และการพัฒนาอย่างรอบด้าน พร้อมกันนี้ เราจะผลักดันการบูรณาการทำงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกโรงเรียนมีแผนเผชิญเหตุที่ทันสมัย เป็นระบบ และสามารถปกป้องชีวิตของครูและนักเรียนได้จริงในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และที่สำคัญ ผมเห็นความพยายามของโรงเรียนในพื้นที่ชายแดน ที่แม้จะต้องเผชิญข้อจำกัดหลายด้าน แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นดูแลนักเรียนอย่างดีที่สุด กระทรวงศึกษาธิการจะสนับสนุนภารกิจเหล่านี้ด้วยการจัดหาอุปกรณ์การเรียน พัฒนาครู และเสริมมาตรการด้านความปลอดภัยให้มากขึ้นในเชิงรูปธรรม
ทางด้านว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้เราต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในโรงเรียนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะใน 7 จังหวัดที่ติดกับชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ สพฐ. จึงได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดไปยังเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อกำชับให้ทุกโรงเรียนมีแผนเผชิญเหตุที่ชัดเจน ซักซ้อมเป็นประจำ และสามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ แต่เราสามารถเตรียมความพร้อมได้เต็มที่ ทั้งในด้านอาคารสถานที่ การสื่อสาร การทำงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคง รวมถึงการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้ปกครองและชุมชน เพราะในยามเกิดเหตุ ความเร็ว ความแม่นยำ และการสื่อสารที่ดี คือหัวใจของการปกป้องนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ โรงเรียนบ้านภูมิชรอลและโรงเรียนภูมิชรอลวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดน ได้จัดทำและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง มีการจัดพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงระบบการแจ้งเตือนในกรณีฉุกเฉิน โดยกระทรวงศึกษาธิการย้ำว่าการดูแลด้านสวัสดิภาพควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นภารกิจสำคัญ ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เพื่อให้การศึกษาในทุกพื้นที่ปลอดภัย เท่าเทียม และยั่งยืน.-416-สำนักข่าวไทย