กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – โควิด-19 รอบสัปดาห์ ติดเชื้อเพิ่ม 34,785 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3 คน กรุงเทพฯ ป่วยสูงสุดเกือบ 6,931 คน สะสมตั้งแต่ต้นปี 2568 กว่า 100,000 คน ขณะที่ “รศ.นพ.ธีระ” เผยหากติดเชื้อขณะตั้งครรภ์เสี่ยงเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ 1.6 เท่า

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สัปดาห์ที่ 20 ของปีนี้ ระหว่างวันที่ 11-17 พ.ค. 38 มีผู้ป่วยรายใหม่ 34,785 คน เสียชีวิต 3 คน ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. อยู่ที่ 108,891 คน รักษาในโรงพยาบาล 2,010 คน ผู้ป่วยนอก 32,775 คน สะสมผู้เสียชีวิต อยู่ที่ 27 คน
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยสูงสุด 6,931 คน รองลงมาคือ ชลบุรี 2,573 คน, ระยอง 1,680 คน, นนทบุรี 1,482 คน, สมุทรปราการ 1,442 คน กลุ่มอายุผู้ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 30-39 ปี จำนวน 7,141 คน กลุ่มอายุ 20-29 ปี จำนวน 6,751 คน กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 5,504 คน
ขณะที่ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ต้องติดตามไปอีกราวสัปดาห์หนึ่ง เพื่อเห็นภาพรวมของสัปดาห์ที่ 20 อย่างครบถ้วน เพราะมีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้ออีกมาก พบว่าในบรรดาโรคติดต่อทั้งหมด โควิด-19 เป็นโรคที่ทำให้ประชาชนป่วยมากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ และเป็นอันดับ 1 ของโรคติดต่อในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยสูงอายุพฤติกรรมการป้องกันตัว ควรงัดกลับมาใช้อย่างสม่ำเสมอ
รศ.นพ.ธีระ ยังระบุถึงการติดโควิด-19 ขณะตั้งครรภ์ ว่าจะมีความเสี่ยงแท้ง ในช่วงตั้งครรภ์ระยะแรก เสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด 1.48 เท่า เสี่ยงภาวะครรภ์เป็นพิษ 1.6 เท่า เสี่ยงที่จะเกิดภาวะทารกตายคลอด 2.36 เท่า และเสี่ยงที่ทารกแรกคลอดจะเสียชีวิตในช่วงเดือนแรกหลังคลอด 3.35 เท่า
เฝ้าระวังคลัสเตอร์โควิด-19 ในโรงเรียน
ขณะที่ช่วงเปิดเทอมนี้ นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวถึงการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่าขณะนี้มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 0-4 ปี ซึ่งพบว่ามีรายงานการป่วยจำนวนมาก โดย สนพ. ได้ประสานกระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การติดเชื้อ โดยตั้งแต่เดือน เม.ย.-8 พ.ค. 68 มีผู้ป่วยเข้ารับบริการโรงพยาบาลในสังกัดรวม 1,974 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยใน (IPD) 11 ราย และผู้ป่วยนอก (OPD) 1,963 ราย ได้เตรียมความพร้อมสถานพยาบาลในสังกัดทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ เตียงรักษา วัคซีน ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วย
ส่วนมาตรการเชิงรุกรับมือกับการเปิดภาคเรียน ได้เตรียมแนวทางเฝ้าระวังในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในสังกัด กทม. โดยเตรียมความพร้อมหากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน เพื่อควบคุมและป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถขยายจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยได้หากมีผู้ป่วยมาก รวมทั้งรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงเรียน โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หากมีอาการเสี่ยง เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก ควรตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK หากผลเป็นบวกควรแยกตัว สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและรีบพบ.-สำนักข่าวไทย