24 มี.ค.- สภาการศึกษาแจงผลวิเคราะห์การจัดอันดับทางการศึกษาไทย ปัดรั้งท้ายอาเซียน ชี้ไม่สะท้อนข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและสถานการณ์ปัจจุบัน
รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ระบุกรณีเว็บไซต์ World Population Review เผยแพร่ผลการจัดอันดับทางการศึกษาของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 203 ประเทศ โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 107 ว่า ข้อมูลจากการสำรวจ The annual Best Countries Report ที่จัดทำโดยUS News and World Report, BAV Group, และ the Wharton School of the University of Pennsylvania เป็นการสำรวจความคิดเห็นของคนทั่วโลกประมาณ 17,000 คน จาก 73 ประเทศ ในด้านการศึกษา ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 48 เป็นอันดับ 3 ของอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ (อันดับ 22) และประเทศมาเลเซีย (อันดับ 37) โดยประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศเวียดนาม ประเทศเมียนมาร์ ประเทศกัมพูชา ล้วนมีอันดับที่ต่ำกว่าไทย ขณะที่ประเทศลาว และประเทศบรูไน ไม่พบข้อมูลในการสำรวจดังกล่าว และเมื่อพิจารณารายละเอียดอื่น ๆ ก็พบว่า เว็บไซต์ดังกล่าวไม่ได้ให้ข้อมูลอื่น ๆ ที่ใช้ในการจัดอันดับทางการศึกษาที่สามารถเชื่อมโยงกับไปยังข้อมูลสถิติทางการศึกษาอื่น ๆ ที่จะสื่อให้เห็นเกี่ยวกับคุณภาพของระบบการศึกษาแต่ละประเทศ
ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นจึงสรุปได้ว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวยังมีความย้อนแย้งกันอยู่ระหว่างข้อมูลผลการสำรวจที่ใช้ในการจัดอันดับกับผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ World Population Review การตีความและอธิบายผลการจัดอันดับจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ดังนั้น การที่จะกล่าวว่าการศึกษาของประทศไทยรั้งท้ายอาเซียน จึงอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ในส่วนที่ระบุว่า ข้อมูลอัตราการรู้หนังสือ (Literacy Rate) ของประชากรในแต่ละประเทศ ไทยมีอัตราการรู้หนังสืออยู่ที่ 94% เป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2021 จึงอาจไม่สะท้อนสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับกรมส่งเสริมการเรียนรู้ สำรวจการรู้หนังสือของประเทศไทยซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2568 โดยมีผลการสำรวจเบื้องต้น พบว่า อัตราการรู้หนังสือของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 99% ซึ่งหากใช้ข้อมูลดังกล่าวในการจัดอันดับจะถือว่าประเทศไทยมีอัตราการรู้หนังสือเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน
รศ.ดร. ประวิต ระบุอีกว่า กระทรวงศึกษาธิการเร่งพัฒนาการศึกษา โดยเฉพาะการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผลการจัดอันดับทางการศึกษาที่สำคัญในระดับนานาชาติของไทยสูงขึ้น .416.-สำนักข่าวไทย