กทม. ผนึกกำลัง 4 หน่วยงาน ทลายขบวนการซ่อมรถบัสทิพย์

กรุงเทพฯ 12 มี.ค. – กทม. ผนึกกำลัง 4 หน่วยงาน ทลายขบวนการซ่อมรถบัสทิพย์ ลั่นเอาผิดถึงที่สุด เดินหน้าปราบโกงต่อเนื่อง


พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการสืบสวนจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ กองการกีฬา กทม. จำนวน 7 ราย จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ ว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เป็นผู้ประสานงาน กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ผ่านมาได้มีการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าราชการของ กทม. ที่มีการทุจริต ประพฤติมิชอบ นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่ สตง. ได้ทํางานเชิงรุกจึงทำให้เกิดการสืบสวนจับกุมดังกล่าว การตรวจสอบเอกสารของ สตง.ทําให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นในเรื่องของการให้ความร่วมมือ นอกเหนือจากการที่เราจะช่วยกันตรวจสอบแล้ว เรื่องการให้ข้อมูล เรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จะพยายามเร่งรัดให้วิ่งตามเรื่องของคดีอาญาให้ทันตามคําแนะนําของ ป.ป.ท.

พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เราจะต้องทําต่อคือช่วยกันตรวจสอบแนวทางที่ สตง.ได้ใช้ เพราะเชื่อว่าในส่วนของข้าราชการเอง ไม่ได้ดูงานลึกแบบที่ สตง.ดู ดังนั้นการเป็นผู้ชํานาญการในลักษณะแบบนี้ก็เป็นการกระตุ้นเตือนแล้วก็สอนเราไปด้วยในตัว กรุงเทพมหานครเองก็ไม่อยากให้มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น เราคิดว่าตัวอย่างที่มีการดําเนินคดีผ่าน บก.ป.ป.ป.มา น่าจะเป็นบทเรียนให้กับเจ้าหน้าที่ของเราให้ ลด ละ เลิก ในสิ่งที่ตัวเองคุ้นชินกับการทํางานในลักษณะนี้มาก่อนเป็นระยะเวลานาน ขอให้หยุดการกระทำตั้งแต่วันนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตา หรือการตรวจสอบของหน่วยตรวจสอบทั้ง 4 หน่วยนี้ได้ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครจะช่วยเป็นหูเป็นตาในระดับที่เรามีความสามารถเท่าที่จะทําได้ ต้องขอบคุณหน่วยงานทั้ง 4 หน่วยงาน ที่แจ้งเตือนเรามาโดยตลอด พร้อมทั้งให้เรามีโอกาสประสานความร่วมมือ โดย กทม.ยืนยันว่าจะพยายามตรวจสอบกันเองภายในถ้าทราบเรื่อง แต่ไม่ใช่จะทํากันเอง แต่จะทําหน้าที่ในการแจ้งให้หน่วยตรวจสอบเข้าดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป


สืบเนื่องจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในหน่วยงานราชการ สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสารพบว่าหน่วยราชการตั้งกล่าวมีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2565 – 2567 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของ บริษัทซ่อมรถทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสารเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการ และมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565 – 2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจพบการกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือ 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเงินที่มีการทุจริตทั้งสิ้น 2,790,748 บาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานคร จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.กก.1 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตามหมายจับข้างต้น จนกระทั่งในวันที่ 12 มีนาคม 2568 ผู้ต้องหา ทั้ง 7 คน ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.ปปป. จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา และจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ในการนี้เจ้าหน้าที่ทั้ง 7 ราย ถูกแจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(อนุ 1และอนุ 4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83.-411-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จับมือปืน

ล้อมจับมือปืนอันดับ 1 ประวัติร้ายกาจที่สุดในพื้นที่ภาค 9

ตำรวจล้อมจับมือปืนอันดับ 1 มีประวัติร้ายกาจที่สุดในพื้นที่ภาค 9 มีหมายจับติดตัว 9 หมาย ทั้งคดีฆ่า รับจ้างทวงหนี้ ยิงบ้าน และค้ายาเสพติด

สู้งูจงอาง

สาวใจเด็ด! สู้งูจงอางด้วยมือเปล่าจนรอดตาย

สาวใจเด็ด! เข้าไปหาเห็ดเจองูจงอาง ถูกฉกเป็นแผลเหวอะ ตัดสินใจฮึดสู้ด้วยมือเปล่า เตะก้านคองูแล้วกระทืบซ้ำ ก่อนจับกดพื้นลากไปหาหมอพร้อมกัน ล่าสุดอาการดีขึ้นแล้ว

บริจาคอวัยวะ

หนุ่มวัย 26 ปี บริจาคอวัยวะช่วยต่ออายุ 9 ชีวิต

ชื่นชมหนุ่มพนักงานช่วยเหลือคนไข้ รพ.ภูเขียวเฉลิมพระเกียรติ บริจาคอวัยวะ แม้ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร อายุเพียง 26 ปี แต่อวัยวะสามารถต่อชีวิตให้กับผู้อื่นได้อีก 9 ชีวิต

ข่าวแนะนำ

ไฟไหม้ “ดาราเทวี” เป็นไปได้ทั้งระบบไฟ และฝีมือคน

เจ้าหน้าที่ยังสำรวจความเสียหายและเร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้อาคารสปาของโรงแรมดาราเทวี ซึ่งเคยเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของไทย จนกลุ่มอาคารไม้และของสะสมวอดวายอย่างน้อย 7 หลัง ล่าสุดพบจุดที่คาดเป็นต้นเพลิงแล้ว ตำรวจระบุสาเหตุเป็นไปได้ทั้งระบบไฟฟ้าและฝีมือคน

ทองคำผันผวน 37 ครั้ง ปิดตลาดลดลง 1,750 บาท คนกังวลเริ่มขายทอง

ราคาทองผันผวนตลอดทั้งวัน 37 ครั้ง ปิดตลาดลดลง 1,750 บาท ทองรูปพรรณ 53,500 บาท คนกังวลนำทองออกมาขาย ด้านกรมการค้าภายใน ตรวจเครื่องชั่งร้านทอง หลังราคาขึ้นลงแรง

เร่งตรวจวงจรปิดหาสาเหตุรถหรูชนกัน 3 คันรวด วอดเหลือแต่ซาก

ตำรวจยังไม่ยืนยัน “ซูเปอร์คาร์-เบนซ์” ซิ่งแข่งกันมาหรือไม่ เร่งหาวงจรปิด หลังรถชนกัน 3 คัน เพลิงลุกไหม้เผาวอดซูเปอร์คาร์ “เฟอร์รารี่-เบนซ์” เหลือแต่ซาก

ผลตรวจเหล็ก สตง.รอบ 2 พบเหล็กเส้นข้ออ้อย 20 มม. “ซิน เคอ หยวน” ตกมาตรฐาน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก สตง.ถล่ม ชุดเก็บตัวอย่างเมื่อ 11 เม.ย.68 พบเหล็กเส้นข้ออ้อย 20 มม. ของ “ซิน เคอ หยวน” ตกค่ามวลต่อเมตรเหมือนเดิม ก.อุตสาหกรรม ส่งผลตรวจให้ DSI ประกอบสำนวนคดีตึก สตง.ถล่ม