วันแรกรณรงค์ลดอุบัติเหตุ มีคดีศาลสั่งคุมประพฤติ 380 คดี

กทม. 28 ธ.ค.-วันแรกรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 มีคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติทั้งสิ้น 380 คดี เมาแล้วขับถึง 344 คดี เทียบกับปีที่แล้ว พบลดลง 171 คดี จังหวัดที่มีสถิติคดีเมาแล้วขับสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงใหม่ 63 คดี นนทบุรี 61 คดี และสมุทรปราการ 31 คดี

วันนี้ (28 ธันวาคม 2567) พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 27 ธันวาคม 2567 วันแรกของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 มีคดีทั้งสิ้น 380 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 344 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.53 คดีขับรถประมาท 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.53 และคดีขับเสพ 34 คดี คิดเป็นร้อยละ 8.95 เมื่อเปรียบเทียบคดีขับรถขณะเมาสุราปีใหม่ 2567 มีจำนวน 515 คดี กับ ปีใหม่ 2567 จำนวน 344 คดี พบว่า ลดลง 171 คดี สำหรับจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงใหม่ 63 คดี นนทบุรี 61 คดีและสมุทรปราการ 31 คดี


อธิบดีกรมคุมประพฤติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่กำลังเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่นี้ กรมคุมประพฤติ จึงได้เตรียมแผนดำเนินงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ด้วย 4 มาตรการสำคัญ ภายใต้แนวคิด “คุมประพฤติห่วงใย ร่วมสร้างสังคมปลอดภัย ลดอุบัติภัยทางถนน” เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้แก่ 1.มาตรการด้านการบริหารจัดการ 2.มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม 3.มาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย 4.มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักถึงการขับขี่ปลอดภัย จำนวน 20 ครั้ง มีผู้ร่วมรณรงค์ 2,062 ราย การทำงานบริการสังคมปรับภูมิทัศน์ตามจุดเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 7 ครั้ง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 651 ราย การบริจาคโลหิต จำนวน 13,100 ซีซี และการสนับสนุนการปฏิบัติงานที่จุดบริการประชาชนและด่านตรวจค้น จำนวน 62 จุด โดยมีการบูรณาการกำลังจากเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครคุมประพฤติ และผู้ถูกคุมความประพฤติ จำนวน 869 ราย เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในพื้นที่ต่างๆ และอบรมความรู้เรื่อง “กฎหมายจราจร” จำนวน 13 ครั้ง แก่ผู้เข้ารับอบรม 1,293 ราย


“ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน กรมคุมประพฤติขอเชิญชวนประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร ลดพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อให้เทศกาลปีใหม่นี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับทุกครอบครัว”.-119.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ