วธ. ชวน “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่าฉลอม   

5ก.ค.- วธ.ชวนตะลุยเที่ยววัฒนธรรม One Day Trip นั่งสามล้อถีบโบราณ สำรวจเส้นทางประวัติศาสตร์ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนบ้านท่าฉลอม สมุทรสาคร ชมศิลปะไทย-จีน ไหว้ศาลเจ้าตำนาน 100 ปี “เยือนท่า 3 ถิ่น ยลศิลป์ใกล้กรุง” ชิมอาหารถิ่น “เกี๊ยวปลาท่าฉลอม-ปลายี่สนทุบ” และแชะ Steet Art สุดเก๋บนกำแพง กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้แก่ชุมชน


นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่าฉลอม โดยมี นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม ผู้นำชุมชน ประธานกรรมการ บริษัท สมุทรสาครพัฒนาเมือง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นายกเทศบาลนครสมุทรสาคร ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ วัฒนธรรมจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก ภาคีเครือข่าย ภาคเอกชน และชาวชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่าฉลอม เข้าร่วม ณ บริเวณริมเขื่อนวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ภายในงานมีกิจกรรม ประกอบด้วย การสาธิตและจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงเชิดสิงโต มังกร นิทรรศการเรื่องเล่าชุมชน และลานวัฒนธรรมสร้างสุขสุดคึกคัก

นางยุพา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2566 นับเป็นชุมชนที่มีผู้นำ “พลังบวร” และเครือข่ายในการขับเคลื่อนที่เข้มแข็ง คนในชุมชนมีความสุข มีความรักสามัคคี มีการอนุรักษ์สืบสาน รักษา ต่อยอด ภูมิปัญญาของท้องถิ่น มีศักยภาพ คุณภาพ มีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ และสามารถต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้อย่างยั่งยืน สำหรับโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน ด้วยการนำทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในชุมชนมาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2564 มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ปัจจุบันมีชุมชนคุณธรรมที่ได้รับเป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” แล้วทั้งสิ้น 40 ชุมชน ซึ่งเป็นการคัดเลือกชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวร ที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติทั่วประเทศ พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติผู้มาเยือน ได้ศึกษาเรียนรู้ อัตลักษณ์ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และประเพณีของชุมชน


รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวด้วยว่า จากคำขวัญจังหวัดสมุทรสาคร “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์” แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลาย และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจุดมุ่งหมายในการลงทุนอุตสาหกรรม มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ และมีสินค้าเกษตรคุณภาพสูง อาทิ มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว ลำไย ปลาสลิด เป็นต้น ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สวยงาม ทั้งแบบ One Day Trip และพักค้างคืน เช่น ศาลพันท้ายนรสิงห์ สะพานแดง วัดใหญ่จอมปราสาท ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร และท่าฉลอม เป็นต้น ปัจจุบัน ท่าฉลอมมีความเป็นเมืองและมีความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ทั้งตลาด กิจการต่อเรือ โรงงานอุตสาหกรรม ร้านค้า และทุนทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ในด้านวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี อาหารถิ่น อาทิ เกี๊ยวปลาท่าฉลอม ปลายี่สนทุบ น้ำเลี่ยงฮุ้น เป็นต้น ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น มีรถสามล้อถีบโบราณ และรถรางชุมชนพร้อมให้บริการนักท่องเที่ยว จึงขอต้อนรับทุกท่านมาเยือนสัมผัสวิถีชุมชนบ้านท่าฉลอมความยินดีและเต็มใจยิ่ง

ผู้นำชุมชน กล่าวว่า มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ได้รับรางวัล 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่ง “ท่าฉลอม” สถานที่อันเป็นถิ่นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของประเทศไทย ถิ่นชุมชนประมง และถิ่นบ้านลูกมังกร ตามเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองท่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง ประกอบกับทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม มีแม่น้ำท่าจีนโอบล้อมแผ่นดินราวกับมังกรใหญ่ หล่อเลี้ยงผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา นอกจากนี้ชุมชนแห่งนี้มีการอนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรม การจัดงานประเพณี 18 มีนา สุขาภิบาลท่าฉลอม งานประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจ และเทศกาลตรุษจีน เล่ง เกีย ฉู่ สืบสานตำนานมังกร เป็นประจำทุกปี ดังคำขวัญชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่าฉลอม “เยือนท่า 3 ถิ่น ยลศิลป์ใกล้กรุง”

ทั้งนี้ “ท่าฉลอม” เป็นเมืองท่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง มีแม่น้ำท่าจีนโอบล้อมแผ่นดินราวกับมังกรใหญ่ และมีเรือฉลอมจอดเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชนท่าฉลอม สถานที่อันเป็นถิ่นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของประเทศไทย ถิ่นบ้านลูกมังกร และถิ่นชุมชนประมง ดังคำขวัญชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่าฉลอม “เยือนท่า 3 ถิ่น ยลศิลป์ใกล้กรุง” โดยชุมชนแห่งนี้เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนามาเป็นเวลายาวนานนับร้อยปี สะท้อนผ่านสถานที่และกิจกรรมการท่องเที่ยว อาทิ วัดแหลมสุวรรณาราม วัดสุทธิวาตวราราม วัดนักบุญอันนา และศาลเจ้าหลายแห่งที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งตั้งอยู่บนถนนถวาย ทั้งนี้ ชุมชนมีการจัดงาน “ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจ” และ “เทศกาลตรุษจีน เล่ง เกีย ฉู่ สืบสานตำนานมังกร” เป็นประจำทุกปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสำรวจเส้นทางประวัติศาสตร์ และสัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวท่าฉลอมโดยรถรางชุมชน รถสามล้อถีบโบราณ หรือจักรยาน เยี่ยมชมศิลปะไทย – จีน ตามวัดและศาลเจ้าต่าง ๆ ตลอดจนภาพวาด Street Art ศิลปะร่วมสมัยบนกำแพงและบนฝาท่อรอบชุมชนกว่า 100 ภาพ นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์ให้บริการที่พัก จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บ้านเรืออุดมโฮมสเตย์ และความสุขโฮมสเตย์ รวมถึงมีอาหารพื้นถิ่นรสชาติดั้งเดิม อาทิ เกี๊ยวปลาท่าฉลอม ปลายี่สนทุบ ก๋วยเตี๋ยวหลอดแป้งสดโบราณ ผัดไทยกุ้งแห้ง ขนมเทียนสูตรโบราณ และน้ำเลี่ยงฮุ้น เป็นต้น ให้รับประทานแล้วติดใจ ก่อนเดินทางกลับพลาดไม่ได้เลยคือการช้อปผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนได้แก่ เรือประมงจำลองท่าฉลอม และอาหารทะเลแปรรูป ซึ่งทำมาจากวัตถุดิบภายในชุมชน ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและรู้รายละเอียดได้ที่ Facebook page บ้านท่าฉลอม (www.facebook.com/BaanThachalom) และ Website มาหาสมุทรสาคร (www.visitsk.org).-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ อีสาน เข้มโดรน-จับตาสถานที่สำคัญ

3 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ จังหวัดอีสาน เข้มมาตรการกำจัดโดรน สั่งจับตาสถานที่สำคัญ ศาลากลางจังหวัด-คลังอาวุธ-สถานีขนส่ง บูรณาการตำรวจจับผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีข้อหาหนัก “ก่อการร้าย-ไส้ศึก” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน ผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน โดยให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรน ป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึก โดยโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมาย ทั้งนี้ได้กำชับห้ามปล่อยตัวง่ายๆ ต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอ […]

พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าเมืองสุรินทร์ ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายโดรน บินเหนือหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นโดรนจริง หรือเป็นอากาศยานชนิดใดกันแน่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้โพสต์และแชร์ภาพวัตถุปริศนา บินอยู่เหนือเขตเมืองและพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งของกองทัพ ห้ามอากาศยานไร้คนขับบินโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทีมข่าวลงพื้นที่และสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ โดยพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินจากรอบนอกเมืองเข้าสู่เขตชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก ล่าสุดเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นวัตถุดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นขณะที่ท้องฟ้ายังสว่างให้ทีมข่าวดู ภาพปรากฏวัตถุคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก หรือโดรนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความวิตก ว่า วัตถุดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายโดรนพลีชีพหรืออาจบรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและกังวลในชุมชน จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หรือหน่วยงานความมั่นคง ออกมาชี้แจงโดยเร็ว เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ . – 716 – สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]