พฐ.สันนิษฐานไฟไหม้เยาวราช เกิดจากจุดธูปเทียนไหว้พระ

กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – พฐ.ตรวจสอบบ้านต้นเพลิง เหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุจากจุดธูปเทียนไหว้พระ ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันรอบชุมชนมีประปาหัวแดง-ถังดับเพลิงเพียงพอ แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก จนควบคุมไม่ทัน


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช โดยเฉพาะบริเวณบ้านที่เชื่อว่าเป็นต้นเพลิงว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว บ้านต้นเพลิงมีลักษณะเป็นบ้านเช่าสำหรับคนที่ทำงานแถวเยาวราชมาพักอาศัย จุดต้นเพลิงน่าจะเป็นชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบสิ่งของเผาไหม้แบบสมบูรณ์ หรือเผาไหม้มากกว่าสิ่งของที่อยู่บริเวณชั้น 1 และจุดอื่นๆ สอดคล้องกับคำให้การพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในอาคารที่คาดว่าเป็นต้นเพลิง ประกอบกับคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ได้ที่เห็นเปลวไฟเกิดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบหิ้งพระและพระพุทธรูปอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้จากการจุดธูปเทียนไหว้พระ จึงได้เก็บเป็นพยานหลักฐานไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร เพราะภายในห้องต้นเพลิงพบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟ รวมถึงแอร์เคลื่อนที่ ที่แม้จะไม่ได้เสียบปลั๊กไฟอยู่ขณะเกิดเหตุ และ ยังไม่พบการลัดวงจร แต่เจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดไปตรวจสอบอย่างละเอียดในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบวงจรภายในด้วย ส่วนจะเป็นการวางเพลิงหรือไม่นั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบคราบน้ำมัน ไม่พบก๊าซ หรือสารเร่งปฏิกิริยาไวไฟ รวมทั้งไม่พบร่องรอยการระเบิด


ศูนย์พักพิงยังคงแน่น-เขตเปิดรับบริจาค
ส่วนที่วัดสัมพันธวงศ์ ศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับคนที่บ้านถูกไฟไหม้ ขณะนี้พบว่ายังมีผู้ได้รับผลกระทบอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้ประมาณ 80 คน จากที่ลงทะเบียนไว้ 129 คน เพราะส่วนหนึ่งได้แยกย้ายกลับไปนอนที่บ้านพักของญาติ และจากการสำรวจผู้ที่พักพิงอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้จะมีทั้งคนไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา

หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่า ตอนที่ได้ยินคนบอกว่าไฟไหม้ สิ่งที่คว้าออกมาได้มีเพียงผ้าขนหนูและกางเกงขายาว และหลังเกิดเหตุได้ไปดูบ้านพบว่าของมีค่า เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเสียหายหมด ทำให้ตอนนี้ต้องอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงไปก่อน เพราะยังหาห้องพักไม่ได้ เนื่องจากห้องพักย่านเยาวราชเต็มทั้งหมด และมีราคาแพง

ขณะที่ นายวัลลภ เกียรติวรศรีกุล ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ เปิดเผยล่าสุดผู้ประสบภัยมาลงทะเบียนแล้วกว่า 300 คน ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวต่างชาติที่มาเช่าห้องพักอาศัยอาศัยอยู่ และมีจำนวนหนึ่งที่เป็นคนไทยเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่เอง ส่วนข้อมูลความเสียหาย พบว่ามีบ้านเสียหายทั้งหลัง 39 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 10 หลังที่อยู่ในชุมชน และมีที่ไฟไหม้นอกชุมชนที่เป็นอาคารตึกแถว บางส่วนของโรงแรมอีกจำนวนหนึ่ง และคาดว่าวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะสามารถเปิดพื้นที่ให้ผู้ประสบภัยเข้าไปสำรวจทรัพย์สินของตัวเอง แต่ยืนยันว่าต้องให้พื้นที่ที่เกิดเหตุไฟดับสนิทเพื่อความปลอดภัยกับตัวประชาชนเองด้วย


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเปิดศูนย์ให้ผู้ประสบภัยมาลงทะเบียน จะให้ลงทะเบียนถึงวันพุธที่ 10 กรกฎาคมนี้ เพื่อสรุปจำนวนผู้เสียหายและส่งต่อให้หน่วยงานดำเนินการเยียวยาต่อไป เนื่องจากการสำรวจเมื่อวานนี้ มีผู้มาอยู่ในศูนย์ 131 คน วันนี้ออกไปอาศัยอยู่กับญาติและสามารถหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่อื่นได้แล้ว 60 กว่าคน ทำให้เหลือจุดที่เป็นศูนย์พักพิงที่วัดสัมพันธวงศ์เพียงจุดเดียว

ล่าสุดเขตสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก มีข้อความว่า เขตสัมพันธวงศ์ เปิดรับบริจาคสำหรับผู้ประสบภัยวันที่ 8 ก.ค. 67 เปิดรับเฉพาะเงินสด (ไม่รับเงินโอนทุกกรณี และไม่มีบัญชีสำหรับโอน โปรดระวังมิจฉาชีพแอบแฝง) เพราะขณะนี้สิ่งของ อาหาร น้ำดื่ม เพียงพอต่อความต้องการแล้ว

ผู้ว่าฯ กทม. ยันมีประปาหัวแดงรอบชุมชนเพียงพอ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบสาธารณภัย ว่าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยเบื้องต้นจะแบ่งเป็นสองส่วน หากเป็นเจ้าของบ้าน อาคารจะได้รับค่าชดเชยความเสียหาย ส่วนผู้เช่าจะได้รับชดเชยค่าเช่าสองเดือนชดเชย

สิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้คือการหาที่อยู่ใหม่ให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องเช่า รวมถึงเข้าไปประเมินความเสียหายที่เกิดเหตุทั้งในชุมชนตรอกโพธิ์ และในอาคารตึกแถว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงจำนวนหัวแดงว่าเพียงพอหรือไม่ยืนยันว่าในเคสนี้ ชุมชนตรอกโพธิ์ มีเพียงพอ มี 3 จุด คือ จุดตรงชุมชนเลย และอีกจุดตรงซอยเยาวราช 7 และอีกจุดใกล้สี่แยก ยืนยันว่าหัวแดงตรงจุดนี้เพียงพอแน่นอน รถดับเพลิงใช้เวลามาถึงภายใน 6 นาที แต่เมื่อเสียบต่อท่อกำลังกำลังจะฉีดเข้าไป โครงสร้างบ้านก็พังถล่มลงมาก่อน แล้วทำให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุยากลำบาก

ขณะที่ภาพรวมกรุงเทพฯ มีหัวแดงอยู่ 25,000 จุด เมื่อครั้งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ และเจอเหตุไฟไหม้ที่บ่อนไก่ ทำให้มีการวิเคราะห์ว่ายังมีประปาหัวแดงที่ต้องเพิ่มอีก 258 จุด ตอนนี้อยู่ระหว่างทำสัญญากับการไฟฟ้านครหลวง ขณะนี้กำลังเริ่มทำ 40 จุดแรกก่อน

ส่วนถังดับเพลิง ถังแดง ในชุมชนนี้มี 20 ถัง ที่จุดเกิดเหตุมีใช้ไปแล้ว 3 ถัง แต่คาดว่าเพลิงคงไหม้ลุกลามเร็วมาก ทำให้ถังแดงเอาไม่อยู่ ขณะเดียวกัน กทม. มีแผนเพิ่มถังแดงทั่ว กทม. อีก 37000 ถัง ใน 4 เดือน ที่จะลงเพิ่มในชุมชน และจะมีการประเมินชุมชนอีก 256 แห่งที่มีซอยเข้าออกยาก คับแคบ อาจจะต้องปรับอุปกรณ์ดับเพลิงให้สอดคล้องกับชุมชน ที่สำคัญคือกทม. มีโครงการฝึกการหนีไฟในชุมชน ปีนี้ทำการฝึกไปแล้ว 370 แห่ง ซึ่งชุมชนตรอกโพธิ์ เคยได้รับการฝึกด้วย เมื่อตอนต้นปี 67 ที่ผ่านมา อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมาก เพราะทราบเส้นทางหนี รวดเร็ว อนาคตอาจจำพัฒนาให้อุปกรณ์ดับเพลิงกระทัดรัดมากขึ้น และการประสานงานเรื่องการตัดไฟที่อาจจะต้องปรับปรุงคุยให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมั่นใจมากขึ้น

ส่วนที่มีข้อกังวลว่าเหตุไฟไหม้นี้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวหรือไม่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เหตุนี้อีกด้านหนึ่งสะท้อนว่ามีการเตรียมการดีมีการจัดการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ดี แล้ววันรุ่งขึ้นเยาวราชสามารถเปิดปกติ กรณีนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดมีบางเรื่องที่เห็นข้อบกพร่อง แต่การเตรียมการตนคิดว่าก็ไม่แพ้ใครมีการรับมือเป็นระบบ ซึ่งน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่สร้างความมั่นใจได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]