พฐ.สันนิษฐานไฟไหม้เยาวราช เกิดจากจุดธูปเทียนไหว้พระ

กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – พฐ.ตรวจสอบบ้านต้นเพลิง เหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุจากจุดธูปเทียนไหว้พระ ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันรอบชุมชนมีประปาหัวแดง-ถังดับเพลิงเพียงพอ แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก จนควบคุมไม่ทัน


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช โดยเฉพาะบริเวณบ้านที่เชื่อว่าเป็นต้นเพลิงว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว บ้านต้นเพลิงมีลักษณะเป็นบ้านเช่าสำหรับคนที่ทำงานแถวเยาวราชมาพักอาศัย จุดต้นเพลิงน่าจะเป็นชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบสิ่งของเผาไหม้แบบสมบูรณ์ หรือเผาไหม้มากกว่าสิ่งของที่อยู่บริเวณชั้น 1 และจุดอื่นๆ สอดคล้องกับคำให้การพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในอาคารที่คาดว่าเป็นต้นเพลิง ประกอบกับคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ได้ที่เห็นเปลวไฟเกิดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบหิ้งพระและพระพุทธรูปอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้จากการจุดธูปเทียนไหว้พระ จึงได้เก็บเป็นพยานหลักฐานไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร เพราะภายในห้องต้นเพลิงพบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟ รวมถึงแอร์เคลื่อนที่ ที่แม้จะไม่ได้เสียบปลั๊กไฟอยู่ขณะเกิดเหตุ และ ยังไม่พบการลัดวงจร แต่เจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดไปตรวจสอบอย่างละเอียดในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบวงจรภายในด้วย ส่วนจะเป็นการวางเพลิงหรือไม่นั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบคราบน้ำมัน ไม่พบก๊าซ หรือสารเร่งปฏิกิริยาไวไฟ รวมทั้งไม่พบร่องรอยการระเบิด


ศูนย์พักพิงยังคงแน่น-เขตเปิดรับบริจาค
ส่วนที่วัดสัมพันธวงศ์ ศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับคนที่บ้านถูกไฟไหม้ ขณะนี้พบว่ายังมีผู้ได้รับผลกระทบอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้ประมาณ 80 คน จากที่ลงทะเบียนไว้ 129 คน เพราะส่วนหนึ่งได้แยกย้ายกลับไปนอนที่บ้านพักของญาติ และจากการสำรวจผู้ที่พักพิงอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้จะมีทั้งคนไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา

หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่า ตอนที่ได้ยินคนบอกว่าไฟไหม้ สิ่งที่คว้าออกมาได้มีเพียงผ้าขนหนูและกางเกงขายาว และหลังเกิดเหตุได้ไปดูบ้านพบว่าของมีค่า เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเสียหายหมด ทำให้ตอนนี้ต้องอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงไปก่อน เพราะยังหาห้องพักไม่ได้ เนื่องจากห้องพักย่านเยาวราชเต็มทั้งหมด และมีราคาแพง

ขณะที่ นายวัลลภ เกียรติวรศรีกุล ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ เปิดเผยล่าสุดผู้ประสบภัยมาลงทะเบียนแล้วกว่า 300 คน ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวต่างชาติที่มาเช่าห้องพักอาศัยอาศัยอยู่ และมีจำนวนหนึ่งที่เป็นคนไทยเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่เอง ส่วนข้อมูลความเสียหาย พบว่ามีบ้านเสียหายทั้งหลัง 39 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 10 หลังที่อยู่ในชุมชน และมีที่ไฟไหม้นอกชุมชนที่เป็นอาคารตึกแถว บางส่วนของโรงแรมอีกจำนวนหนึ่ง และคาดว่าวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะสามารถเปิดพื้นที่ให้ผู้ประสบภัยเข้าไปสำรวจทรัพย์สินของตัวเอง แต่ยืนยันว่าต้องให้พื้นที่ที่เกิดเหตุไฟดับสนิทเพื่อความปลอดภัยกับตัวประชาชนเองด้วย


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเปิดศูนย์ให้ผู้ประสบภัยมาลงทะเบียน จะให้ลงทะเบียนถึงวันพุธที่ 10 กรกฎาคมนี้ เพื่อสรุปจำนวนผู้เสียหายและส่งต่อให้หน่วยงานดำเนินการเยียวยาต่อไป เนื่องจากการสำรวจเมื่อวานนี้ มีผู้มาอยู่ในศูนย์ 131 คน วันนี้ออกไปอาศัยอยู่กับญาติและสามารถหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่อื่นได้แล้ว 60 กว่าคน ทำให้เหลือจุดที่เป็นศูนย์พักพิงที่วัดสัมพันธวงศ์เพียงจุดเดียว

ล่าสุดเขตสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก มีข้อความว่า เขตสัมพันธวงศ์ เปิดรับบริจาคสำหรับผู้ประสบภัยวันที่ 8 ก.ค. 67 เปิดรับเฉพาะเงินสด (ไม่รับเงินโอนทุกกรณี และไม่มีบัญชีสำหรับโอน โปรดระวังมิจฉาชีพแอบแฝง) เพราะขณะนี้สิ่งของ อาหาร น้ำดื่ม เพียงพอต่อความต้องการแล้ว

ผู้ว่าฯ กทม. ยันมีประปาหัวแดงรอบชุมชนเพียงพอ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบสาธารณภัย ว่าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยเบื้องต้นจะแบ่งเป็นสองส่วน หากเป็นเจ้าของบ้าน อาคารจะได้รับค่าชดเชยความเสียหาย ส่วนผู้เช่าจะได้รับชดเชยค่าเช่าสองเดือนชดเชย

สิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้คือการหาที่อยู่ใหม่ให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องเช่า รวมถึงเข้าไปประเมินความเสียหายที่เกิดเหตุทั้งในชุมชนตรอกโพธิ์ และในอาคารตึกแถว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงจำนวนหัวแดงว่าเพียงพอหรือไม่ยืนยันว่าในเคสนี้ ชุมชนตรอกโพธิ์ มีเพียงพอ มี 3 จุด คือ จุดตรงชุมชนเลย และอีกจุดตรงซอยเยาวราช 7 และอีกจุดใกล้สี่แยก ยืนยันว่าหัวแดงตรงจุดนี้เพียงพอแน่นอน รถดับเพลิงใช้เวลามาถึงภายใน 6 นาที แต่เมื่อเสียบต่อท่อกำลังกำลังจะฉีดเข้าไป โครงสร้างบ้านก็พังถล่มลงมาก่อน แล้วทำให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุยากลำบาก

ขณะที่ภาพรวมกรุงเทพฯ มีหัวแดงอยู่ 25,000 จุด เมื่อครั้งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ และเจอเหตุไฟไหม้ที่บ่อนไก่ ทำให้มีการวิเคราะห์ว่ายังมีประปาหัวแดงที่ต้องเพิ่มอีก 258 จุด ตอนนี้อยู่ระหว่างทำสัญญากับการไฟฟ้านครหลวง ขณะนี้กำลังเริ่มทำ 40 จุดแรกก่อน

ส่วนถังดับเพลิง ถังแดง ในชุมชนนี้มี 20 ถัง ที่จุดเกิดเหตุมีใช้ไปแล้ว 3 ถัง แต่คาดว่าเพลิงคงไหม้ลุกลามเร็วมาก ทำให้ถังแดงเอาไม่อยู่ ขณะเดียวกัน กทม. มีแผนเพิ่มถังแดงทั่ว กทม. อีก 37000 ถัง ใน 4 เดือน ที่จะลงเพิ่มในชุมชน และจะมีการประเมินชุมชนอีก 256 แห่งที่มีซอยเข้าออกยาก คับแคบ อาจจะต้องปรับอุปกรณ์ดับเพลิงให้สอดคล้องกับชุมชน ที่สำคัญคือกทม. มีโครงการฝึกการหนีไฟในชุมชน ปีนี้ทำการฝึกไปแล้ว 370 แห่ง ซึ่งชุมชนตรอกโพธิ์ เคยได้รับการฝึกด้วย เมื่อตอนต้นปี 67 ที่ผ่านมา อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมาก เพราะทราบเส้นทางหนี รวดเร็ว อนาคตอาจจำพัฒนาให้อุปกรณ์ดับเพลิงกระทัดรัดมากขึ้น และการประสานงานเรื่องการตัดไฟที่อาจจะต้องปรับปรุงคุยให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมั่นใจมากขึ้น

ส่วนที่มีข้อกังวลว่าเหตุไฟไหม้นี้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวหรือไม่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เหตุนี้อีกด้านหนึ่งสะท้อนว่ามีการเตรียมการดีมีการจัดการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ดี แล้ววันรุ่งขึ้นเยาวราชสามารถเปิดปกติ กรณีนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดมีบางเรื่องที่เห็นข้อบกพร่อง แต่การเตรียมการตนคิดว่าก็ไม่แพ้ใครมีการรับมือเป็นระบบ ซึ่งน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่สร้างความมั่นใจได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย