พฐ.สันนิษฐานไฟไหม้เยาวราช เกิดจากจุดธูปเทียนไหว้พระ

กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – พฐ.ตรวจสอบบ้านต้นเพลิง เหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุจากจุดธูปเทียนไหว้พระ ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันรอบชุมชนมีประปาหัวแดง-ถังดับเพลิงเพียงพอ แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก จนควบคุมไม่ทัน


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช โดยเฉพาะบริเวณบ้านที่เชื่อว่าเป็นต้นเพลิงว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว บ้านต้นเพลิงมีลักษณะเป็นบ้านเช่าสำหรับคนที่ทำงานแถวเยาวราชมาพักอาศัย จุดต้นเพลิงน่าจะเป็นชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบสิ่งของเผาไหม้แบบสมบูรณ์ หรือเผาไหม้มากกว่าสิ่งของที่อยู่บริเวณชั้น 1 และจุดอื่นๆ สอดคล้องกับคำให้การพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในอาคารที่คาดว่าเป็นต้นเพลิง ประกอบกับคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ได้ที่เห็นเปลวไฟเกิดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบหิ้งพระและพระพุทธรูปอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้จากการจุดธูปเทียนไหว้พระ จึงได้เก็บเป็นพยานหลักฐานไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร เพราะภายในห้องต้นเพลิงพบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟ รวมถึงแอร์เคลื่อนที่ ที่แม้จะไม่ได้เสียบปลั๊กไฟอยู่ขณะเกิดเหตุ และ ยังไม่พบการลัดวงจร แต่เจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดไปตรวจสอบอย่างละเอียดในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบวงจรภายในด้วย ส่วนจะเป็นการวางเพลิงหรือไม่นั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบคราบน้ำมัน ไม่พบก๊าซ หรือสารเร่งปฏิกิริยาไวไฟ รวมทั้งไม่พบร่องรอยการระเบิด


ศูนย์พักพิงยังคงแน่น-เขตเปิดรับบริจาค
ส่วนที่วัดสัมพันธวงศ์ ศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับคนที่บ้านถูกไฟไหม้ ขณะนี้พบว่ายังมีผู้ได้รับผลกระทบอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้ประมาณ 80 คน จากที่ลงทะเบียนไว้ 129 คน เพราะส่วนหนึ่งได้แยกย้ายกลับไปนอนที่บ้านพักของญาติ และจากการสำรวจผู้ที่พักพิงอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้จะมีทั้งคนไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา

หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่า ตอนที่ได้ยินคนบอกว่าไฟไหม้ สิ่งที่คว้าออกมาได้มีเพียงผ้าขนหนูและกางเกงขายาว และหลังเกิดเหตุได้ไปดูบ้านพบว่าของมีค่า เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเสียหายหมด ทำให้ตอนนี้ต้องอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงไปก่อน เพราะยังหาห้องพักไม่ได้ เนื่องจากห้องพักย่านเยาวราชเต็มทั้งหมด และมีราคาแพง

ขณะที่ นายวัลลภ เกียรติวรศรีกุล ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ เปิดเผยล่าสุดผู้ประสบภัยมาลงทะเบียนแล้วกว่า 300 คน ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวต่างชาติที่มาเช่าห้องพักอาศัยอาศัยอยู่ และมีจำนวนหนึ่งที่เป็นคนไทยเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่เอง ส่วนข้อมูลความเสียหาย พบว่ามีบ้านเสียหายทั้งหลัง 39 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 10 หลังที่อยู่ในชุมชน และมีที่ไฟไหม้นอกชุมชนที่เป็นอาคารตึกแถว บางส่วนของโรงแรมอีกจำนวนหนึ่ง และคาดว่าวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะสามารถเปิดพื้นที่ให้ผู้ประสบภัยเข้าไปสำรวจทรัพย์สินของตัวเอง แต่ยืนยันว่าต้องให้พื้นที่ที่เกิดเหตุไฟดับสนิทเพื่อความปลอดภัยกับตัวประชาชนเองด้วย


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเปิดศูนย์ให้ผู้ประสบภัยมาลงทะเบียน จะให้ลงทะเบียนถึงวันพุธที่ 10 กรกฎาคมนี้ เพื่อสรุปจำนวนผู้เสียหายและส่งต่อให้หน่วยงานดำเนินการเยียวยาต่อไป เนื่องจากการสำรวจเมื่อวานนี้ มีผู้มาอยู่ในศูนย์ 131 คน วันนี้ออกไปอาศัยอยู่กับญาติและสามารถหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่อื่นได้แล้ว 60 กว่าคน ทำให้เหลือจุดที่เป็นศูนย์พักพิงที่วัดสัมพันธวงศ์เพียงจุดเดียว

ล่าสุดเขตสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก มีข้อความว่า เขตสัมพันธวงศ์ เปิดรับบริจาคสำหรับผู้ประสบภัยวันที่ 8 ก.ค. 67 เปิดรับเฉพาะเงินสด (ไม่รับเงินโอนทุกกรณี และไม่มีบัญชีสำหรับโอน โปรดระวังมิจฉาชีพแอบแฝง) เพราะขณะนี้สิ่งของ อาหาร น้ำดื่ม เพียงพอต่อความต้องการแล้ว

ผู้ว่าฯ กทม. ยันมีประปาหัวแดงรอบชุมชนเพียงพอ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบสาธารณภัย ว่าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยเบื้องต้นจะแบ่งเป็นสองส่วน หากเป็นเจ้าของบ้าน อาคารจะได้รับค่าชดเชยความเสียหาย ส่วนผู้เช่าจะได้รับชดเชยค่าเช่าสองเดือนชดเชย

สิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้คือการหาที่อยู่ใหม่ให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องเช่า รวมถึงเข้าไปประเมินความเสียหายที่เกิดเหตุทั้งในชุมชนตรอกโพธิ์ และในอาคารตึกแถว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงจำนวนหัวแดงว่าเพียงพอหรือไม่ยืนยันว่าในเคสนี้ ชุมชนตรอกโพธิ์ มีเพียงพอ มี 3 จุด คือ จุดตรงชุมชนเลย และอีกจุดตรงซอยเยาวราช 7 และอีกจุดใกล้สี่แยก ยืนยันว่าหัวแดงตรงจุดนี้เพียงพอแน่นอน รถดับเพลิงใช้เวลามาถึงภายใน 6 นาที แต่เมื่อเสียบต่อท่อกำลังกำลังจะฉีดเข้าไป โครงสร้างบ้านก็พังถล่มลงมาก่อน แล้วทำให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุยากลำบาก

ขณะที่ภาพรวมกรุงเทพฯ มีหัวแดงอยู่ 25,000 จุด เมื่อครั้งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ และเจอเหตุไฟไหม้ที่บ่อนไก่ ทำให้มีการวิเคราะห์ว่ายังมีประปาหัวแดงที่ต้องเพิ่มอีก 258 จุด ตอนนี้อยู่ระหว่างทำสัญญากับการไฟฟ้านครหลวง ขณะนี้กำลังเริ่มทำ 40 จุดแรกก่อน

ส่วนถังดับเพลิง ถังแดง ในชุมชนนี้มี 20 ถัง ที่จุดเกิดเหตุมีใช้ไปแล้ว 3 ถัง แต่คาดว่าเพลิงคงไหม้ลุกลามเร็วมาก ทำให้ถังแดงเอาไม่อยู่ ขณะเดียวกัน กทม. มีแผนเพิ่มถังแดงทั่ว กทม. อีก 37000 ถัง ใน 4 เดือน ที่จะลงเพิ่มในชุมชน และจะมีการประเมินชุมชนอีก 256 แห่งที่มีซอยเข้าออกยาก คับแคบ อาจจะต้องปรับอุปกรณ์ดับเพลิงให้สอดคล้องกับชุมชน ที่สำคัญคือกทม. มีโครงการฝึกการหนีไฟในชุมชน ปีนี้ทำการฝึกไปแล้ว 370 แห่ง ซึ่งชุมชนตรอกโพธิ์ เคยได้รับการฝึกด้วย เมื่อตอนต้นปี 67 ที่ผ่านมา อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมาก เพราะทราบเส้นทางหนี รวดเร็ว อนาคตอาจจำพัฒนาให้อุปกรณ์ดับเพลิงกระทัดรัดมากขึ้น และการประสานงานเรื่องการตัดไฟที่อาจจะต้องปรับปรุงคุยให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมั่นใจมากขึ้น

ส่วนที่มีข้อกังวลว่าเหตุไฟไหม้นี้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวหรือไม่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เหตุนี้อีกด้านหนึ่งสะท้อนว่ามีการเตรียมการดีมีการจัดการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ดี แล้ววันรุ่งขึ้นเยาวราชสามารถเปิดปกติ กรณีนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดมีบางเรื่องที่เห็นข้อบกพร่อง แต่การเตรียมการตนคิดว่าก็ไม่แพ้ใครมีการรับมือเป็นระบบ ซึ่งน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่สร้างความมั่นใจได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]