“หมอมนูญ” ย้ำถึงเวลาที่ไทยต้องให้ความสำคัญกับง่วงหลับใน ไม่ขับรถ

5 ก.ค. – “หมอมนูญ” ย้ำถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญกับง่วงหลับในไม่ขับรถ เพราะปัญหาง่วงนอนหลับใน เป็นปัจจัยสำคัญก่อให้เกิดอุบัติเหตุ


นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกองทุนง่วงอย่าขับ มูลนิธิรามาธิบดี กล่าวถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุหลายจุดบริเวณถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม กรุงเทพฯ ว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ในบ้านเราจะพูดถึงประเด็น เมาแล้วขับ ขับเร็ว และประมาท ในขณะที่ต่างประเทศจะให้ความสำคัญไปกับง่วงแล้วขับหลับใน ในสหรัฐอเมริกา ผลการวิจัยระบุชัดว่าอุบัติเหตุใหญ่ ๆ 20% เกิดจากง่วงหลับใน ขณะบ้านเรากลับบอกว่า ง่วงหลับใน มีแค่ 3-4% ซึ่งมันต่ำ และน้อยกว่าความเป็นจริง เพราะคนไทยเราทำงานหนักมาก โดยเฉพาะกลุ่มขนส่ง ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนไม่เพียงพอ นอนน้อย อดนอนสะสม จึงจึงทำให้หลับใน ซึ่งช่วงเวลาที่มักเกิดการง่วงนอน มี 2 ช่วงเวลา คือ ในช่วงกลางวัน ช่วงเวลา 14.00-16.00 น. และหลังเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า ดังนั้นจะพบอุบัติเหตุง่วงหลับในมากที่สุดใน 2 ช่วงนี้

บ้านเราอุบัติเหตุขนาดใหญ่ เรามักโทษว่ามาจากเมาแล้วขับ ทั้งที่ความจริง ปัญหาอุบัติเหตุในบ้านเราที่เกิดมาจากง่วงนอนหลับใน ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน แต่เรา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สังคมและประชาชนอย่างเรากลับไม่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเลย  เพราะเราไปเชื่อองค์การอนามัยโลก เพราะองค์การอนามัยโลกไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งดูได้จากรายงานการวิจัย และสถิติอุบัติเหตุ ในปีที่แล้วขององค์การอนามัยโลก ไม่มีการพูดถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากง่วงหลับในเลย แม้แต่เคสเดียว


นพ.มนูญ ยังกล่าวอีกว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนไม่โทษคนขับรถ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าจะโทษสังคม ที่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว ตนพยายามมาตลอด 20 ปี ขอให้รัฐบาลแก้ไขและเพิ่มข้อความในการรณรงค์ จากเมาแล้วขับเป็น เมา ง่วง ไม่ ขับ แต่ไม่มีใครสนใจ ไม่ใส่ใจ ที่จะแก้ไข 

ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยในทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคนไทยทุกคนต้องหันมาให้ความสำคัญร่วมกันสร้างวินัยให้กับสังคม ง่วงไม่ขับ สำหรับคนขับรถก็ต้องมีวินัยในตัวเอง ในช่วงเวลาขับรถจะต้องเช็คสภาพตัวเองว่าง่วงหรือไม่ และยังสามารถขับรถไหวหรือเปล่า หากรู้สึกง่วงต้องหาทางแก้ไข เช่น เปิดวิทยุฟังเพลง ร้องเพลงคลอ เคี้ยวมากฝรั่ง หรือ ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง หากไม่ไหวต้องหยุดรถทันทีเพื่อนอนหลับพักสายตาอย่างน้อย 15 นาที. -414-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“หมอพรทิพย์” เผย แผลศพบอกได้ ฆาตกรรม หรือ ฆ่าตัวตาย

“หมอพรทิพย์” อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยบาดแผลที่ศพ “ผกก.โจ้” จะบ่งชี้ได้ว่า ถูกฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คาดฝีมือ นายอับดุลเลาะ บูละ แกนนำระดับสั่งการ ฝึกรบจากต่างประเทศ พบบางส่วนหนีขึ้นเขาตะเว บางส่วนข้ามชายแดนแล้ว

ชายแดนตึงเครียด ทหารเมียนมา-KNLA ยังปะทะเดือด

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังตึงเครียด ทหารเมียนมากับกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ยิงปะทะดุเดือด ขณะที่ชาวเมียนมา อพยพเข้าไทยอีกครั้งแล้วหลายร้อยคน

เจอกระบะต้องสงสัยก่อเหตุหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

พบแล้ว รถกระบะต้องสงสัยใช้ก่อเหตุยิงปืนและลอบวางระเบิด หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อคืนนี้

ข่าวแนะนำ

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

เงินหมื่นเฟส3

นายกฯ ไฟเขียว! เงินดิจิทัลเฟส 3 กลุ่ม 16-20 ปี 2.7 ล้านคน

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบ โอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่ม อายุ 16-20 ปี 2.7 ล้านคน หวังคนรุ่นใหม่ใช้ไอทีคล่องกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี รองรับเปิดเทอม ยืนยันกลุ่มวัยทำงาน เฟส 4 ได้เงินแน่นอน