17 พ.ค.- “พิพัฒน์” แสดงความเสียใจ 2 แรงงานเสียชีวิตในอิสราเอล เร่งเยียวยามอบเงินกองทุนฯ ด้านปลัด “ไพโรจน์” ส่ง 5 หน่วยแรงงานจังหวัด เยี่ยมครอบครัว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันในรัฐอิสราเอลเสียชีวิต จำนวน 2 ราย ว่า ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทันทีที่ทราบข่าวผมได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ล่าสุดได้รับรายงานจาก นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า ฝ่ายแรงงานฯ ได้รับแจ้งจาก สถานทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าทางการอิสราเอลได้พิจารณาหลักฐานแวดล้อมที่เชื่อถือได้ และลงมติว่า มีแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันเสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อ นายสนธยา อัครศรี และนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ซึ่งอยู่ในรายชื่อตัวประกันที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว 8 ราย เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยนายสนธยา อัครศรี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู ทำงานอยู่ที่ Bee’ri กับนายจ้าง BITAN REUVEN ส่วน นายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.หนองคาย ทำงานอยู่ที่ Bee’ri กับนายจ้าง LAVI ASHER
นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของสิทธิประโยชน์ที่ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายจะได้รับนั้น ประกอบด้วย 1.สิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีเสียชีวิต โดยทายาทจะได้รับเงินสงเคราะห์ 40,000 บาท และเงินค่าจัดการศพในต่างประเทศ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ของกรมการจัดหางานในเบื้องต้น พบว่า ยังคงอยู่ในความคุ้มครองของกองทุนฯ 2.โครงการเยียวยา 50,000 บาท 3.เงินชดเชยสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีเสียชีวิต โดยครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือ เป็นค่าทำศพ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 79,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการฝังศพ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินประมาณ 47,000 บาท (1,300 usd) เงินช่วยเหลือการเป็นหม้าย ประมาณ 57,000 บาท เงินชดเชยรายเดือน และเงินชดเชยรายปี (จำนวนเงินตามหลักเกณฑ์ที่สถาบันประกันภัยแห่งชาติกำหนด) 4. ติดตาม เงินชดเชยเมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง (ปิซูอิม) โดยฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟอยู่ระหว่างการติดตาม และ 5.เงินประกันสังคม (สปส.) ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทั้งสองราย สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนไปแล้ว แต่ยังมีเงินชราภาพอยู่ที่ประกันสังคม เป็นเงินบำเหน็จชราภาพที่คงเหลืออยู่ โดย นายสนธยา อัครศรี สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่อปี 2558 มีเงินบำเหน็จชราภาพอยู่ที่ 7,301.68 บาท (ยังไม่รวมดอกผล) และ นายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่อปี 2559 มีเงินบำเหน็จชราภาพ 31,108.26 บาท (ยังไม่รวมดอกผล)
“ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองราย และขอส่งกำลังใจให้กับแรงงานท่านที่เหลืออีก 6 ราย ให้ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้ท่านไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ 5 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวผู้เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือของนายสนธยา อัครศรี ที่ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับประมาณการเป็นเงิน 320,301.68 บาท และของนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับประมาณ 344,108.26 บาท”
ทั้งนี้ ในส่วนการดำเนินการติดตามสิทธิประโยชน์ที่ประเทศไทยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจะเร่งติดตามสิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้แก่ทายาท ส่วนการดำเนินการติดตามสิทธิประโยชน์ที่อิสราเอล ฝ่ายแรงงานฯ จะประสานกับสถานทูตและทางการอิสราเอลเพื่อให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวโดยเร็วต่อไป นายพิพัฒน์ กล่าว. 417.-สำนักข่าวไทย