กรมควบคุมโรคแนะเตรียมพร้อมส่งลูกไปโรงเรียน ปลอดภัยจากโควิด

14 พ.ค. – สธ.เผยสถานการณ์โควิด-19 รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมจัดทำคำแนะนำสำหรับสถานศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันโรคโควิด-19 โดยให้เน้นคัดกรองเด็กป่วยก่อนเข้าเรียนทุกเช้า หมั่นทำความสะอาดและเพิ่มจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ พร้อมแนะนำผู้ปกครองหากบุตรมีอาการป่วยแม้เพียงเล็กน้อยก็ขอให้หยุดรักษาตัวที่บ้าน จนกว่าจะหายดีแล้วจึงกลับไปเรียน


นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการผ่อนคลายมาตรการบางอย่างของโรคโควิด 19 เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติให้ใกล้เคียงที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาด และในช่วงนี้หลายโรงเรียนเริ่มทยอยเปิดเทอม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดทำคำแนะนำสำหรับสถานศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถมศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับครูผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครองในการป้องกันโรคโควิด 19 และโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปิดเทอม โดยเน้นให้ตรวจคัดกรองเด็กและบุคลากรก่อนเข้าเรียนทุกเช้า แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ สวมหน้ากากอนามัยและให้ผู้ปกครองนำเด็กกลับบ้านเพื่อไปรักษา หมั่นทำความสะอาด สถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ของเล่น จัดให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือแจลแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ สามารถศึกษาคู่มือแนวทางการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ สำหรับครู ผู้ดูแลเด็ก ภาพรวม ดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ http://klb.ddc.moph.go.th/dataentry/handbook/form/188 ผู้มีอาการเหมือนไข้หวัดไม่ควรเข้าใกล้ผู้สูงอายุ

นพ.ธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเด็กป่วย แม้มีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ต่ำ ๆ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล แต่ยังรับประทานอาหารได้ ยังร่าเริงดี ขอให้เด็กหยุดเรียนและดูแลบุตรหลานที่บ้าน โดยดูแลรักษาตามอาการจนกว่าจะหายป่วย หากอาการหนัก หรืออาการไม่ดีขึ้น เช่น ไข้สูงเกิน 2-3 วัน หายใจเร็ว หรือหายใจหอบจนชายโครงบุ๋ม ไม่กินนม/น้ำ ไม่ร่าเริงเหมือนเคย ให้รีบพาไปพบแพทย์ และใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก เมื่อไอหรือจาม และล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้อื่น รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนผู้ปกครอง ให้หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อย ๆ ทั้งก่อนและหลังการดูแลเด็กป่วยทุกครั้ง แยกของใช้ส่วนตัวของเด็ก เช่น แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ช้อน และผ้าเช็ดมือ


สำหรับสถานการณ์โรคโควิด- 19 ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม – 12 พฤษภาคม 2567 มีรายงานผู้ป่วยสะสม 14,937 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตสะสม 104 ราย และสัปดาห์ที่ 18 ระหว่างวันที่ 5 – 11 พฤษภาคม 2567 พบผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาลรายใหม่ 1,880 ราย เฉลี่ย 269 รายต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 588 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 237 ราย และเสียชีวิต 11 ราย โดยผู้เสียชีวิตอยู่ในกลุ่ม 608 โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประวัติไม่ได้รับวัคซีน ได้รับไม่ครบ 1 เข็ม ได้รับเข็ม 2 และไม่ได้รับการกระตุ้น เป็นไปตามคาดการณ์ช่วงต้นปี เนื่องจากโรคโควิด 19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี ไม่ต่างจากโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ทั้งไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เป็นต้น จึงขอให้ประชาชนมีความตระหนักแต่ไม่ตระหนก โดยประชาชนทั่วไปควรเน้นรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะเมื่อสงสัยป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในสถานที่แออัด หรือที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น ในการเดินทางสาธารณะ โรงพยาบาล และสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ หากป่วยไม่ควรเข้าใกล้ผู้สูงอายุ เพราะเป็นกลุ่มเปราะบาง หากติดเชื้ออาจมีอาการหนัก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422.-411-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ในหลวงทรงรับคนไข้

ในหลวงทรงรับคนไข้เหตุแผ่นดินไหวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

ในหลวงทรงรับคนไข้เหตุแผ่นดินไหวเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะนายกรัฐมนตรีเยี่ยมผู้บาดเจ็บ แพทย์แจงอาการดีขึ้นแล้ว

Building after collapses in Myanmar in front of monk's eye

แผ่นดินไหวทำตึกเมียนมาถล่ม-ยอดตายเกินพันแล้ว

มัณฑะเลย์ 29 มี.ค.- แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อวานนี้ ทำให้อาคารหลังหนึ่งถล่มต่อหน้าต่อตากลุ่มพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาจนถึงขณะนี้เกิน 1,000 คนแล้ว คลิปภาพที่ผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกไว้ได้ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมา และอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวบนบกที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ เห็นกลุ่มพระสงฆ์รวมตัวกันอยู่บนถนนใกล้อาคารหลังหนึ่งที่ค่อย ๆ เสียการทรงตัว ก่อนพังถล่มลงไปทั้งหลังต่อหน้าต่อตา ทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ฟุ้งกระจาย รอยเตอร์รายงานเมื่อเวลา 13:00 น.วันนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลเมียนมาแถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเพิ่มเป็น 1,002 คนแล้ว ขณะที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐหรือยูเอสจีเอส ซึ่งแจ้งขนาดแผ่นดินไหวไว้ที่ 7.7 และมีศูนย์กลางลึกเพียง 10 กิโลเมตรประเมินจากแบบจำลองการคาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจะเกิน 10,000 คน.-814.-สำนักข่าวไทย  

สาเหตุตึกถล่ม

นายกฯ เร่งกรมโยธาดูสาเหตุตึกถล่ม-หาทางแก้

นายกฯ รับรายงายสถานการณ์แผ่นดินไหว เร่งกรมโยธาดูสาเหตุ-หาทางแก้ตึกถล่ม ย้ำ ปชช. มั่นใจได้ เหตุแผ่นดินไหวตอนนี้ไม่กระทบไทยแล้ว เตรียมออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

วัดเสียหายแผ่นดินไหว

วัด 4 แห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว

สำนักงานพระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์เชียงใหม่ สำรวจโบราณสถาน พบวัด 4 แห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว มีทั้งรอยร้าว ฐานพระพุทธรูปอายุกว่า 700 ปีทรุด ยอดฉัตรทองคำหักเอียง