กทม. 6 พ.ค. – กปน. เผยอากาศร้อนจัด ส่งผลน้ำเค็มรุกน้ำประปากร่อยช่วงสั้นๆ แต่ยังใช้อุปโภคได้ สามารถตรวจสอบสถานการณ์น้ำกร่อยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางเว็บไซต์การประปานครหลวง
นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้น้ำเค็มรุกล้ำจากน้ำทะเลหนุนสูง อาจส่งผลให้น้ำประปากร่อยในบางช่วง จึงอยากให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือและติดตามกราฟรายงานสถานการณ์น้ำประปา น้ำกร่อยตลอด 24 ชั่วโมง ทางเว็บไซต์ และทุกช่องทางออนไลน์ของการประปานครหลวง ซึ่ง กปน. ร่วมกับ กรมชลประทาน ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ จัดทำโปรแกรมในการคาดการณ์ลิ่มความเค็ม ในช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง คาดการณ์ 7 วัน ล่วงหน้า ความแม่นยำ 90%
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา เกิดน้ำกร่อยเพียง 4 ชั่วโมง ไม่ได้กร่อยทั้งวัน ซึ่งค่าความเค็มมาตรฐานต้องไม่เกิน 0.5 กรัมต่อลิตร แต่วันนั้นค่าความเค็มขึ้นถึง 0.62 กรัมต่อลิตร รักษาการผู้ว่าฯ กปน. ย้ำว่า เมื่อมีน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามา กปน. จะหยุดสูบน้ำเข้าสู่สถานีสูบน้ำดิบสำแล 2-3ชั่วโมง และในเว็บไซต์ของการประปานครหลวง จะมีการรายงานกราฟเป็นรายชั่วโมงและรายพื้นที่ หากกราฟขึ้นสีแดง ให้พยายามเลี่ยงใช้น้ำบริโภค ซึ่งถึงแม้ว่าน้ำจะกร่อย แต่น้ำได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก เรื่องความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ยังได้ค่ามาตรฐาน ยังสามารถใช้อุปโภคได้ และ กปน. นำน้ำลอตนั้นมาผลิตจะทำให้ค่าคลอไรด์สูงขึ้น กปน.แนะนำให้อุปโภค แต่เลี่ยงการบริโภคสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย
ขณะที่สถานการณ์น้ำแล้งจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้ น้ำมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ และผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่กังวล คือ น้ำต้นทุนปีหน้าเพราะยังไม่รู้ว่าปริมาณน้ำฝนที่จะมาเติมในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงจะมีปริมาณมากน้อย ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหลือเพียง 24% หรือ 4,300 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนภาพที่มีการเผยแพร่ออกมาทางโซเซียลออกมาว่า เขื่อนป่าสัก น้ำแห้ง ทางกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ซึ่งไม่อยากให้ตระหนก มีแผนบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว และไม่กระทบกับน้ำประปา พร้อมอยากให้ทุกคนตระหนักถึงการเห็นคุณค่าของน้ำและใช้น้ำประหยัด ในหน้าแล้ง เพราะฤดูฝนที่จะถึงนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า น้ำที่จะเข้ามาเติมจะมีปริมาณเพียงพอมากน้อยแค่ไหน หากร่วมกันประหยัดน้ำได้ก็อยากให้ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า .-สำนักข่าวไทย
