กทม.ตรวจสอบรอบโรงงานย่านบางซื่อ หาสารแคดเมียมปนเปื้อน

11 เม.ย. – กทม. เข้าตรวจสอบบริเวณรอบโรงงานย่านบางซื่ออีกครั้ง หลังวานนี้ (10 เม.ย.) พบกากแคดเมียม 150 ตัน และประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ขณะที่โรงงานเดิมที่สมุทรสาคร พบเพิ่มอีกกว่า 3,000 ตัน ทำให้ล่าสุดพบกากแคดเมียมแล้วกว่า 12,500 ตัน จากทั้งหมด 13,800 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้นคาดว่าใกล้ครบแล้ว


เจ้าหน้าที่กลุ่มอนามัย กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและดินบริเวณโรงงานย่านบางซื่อ ที่พบกากแคดเมียม เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งการเข้าพื้นที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวคัดกรองผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น เนื่องจากโรงงานดังกล่าวอยู่ภายใต้ประกาศการควบคุมอาคาร ขณะที่กากแคดเมียมที่พบเมื่อวาน (10 เม.ย.) 150 ตัน มีคำสั่งอายัดห้ามเคลื่อนย้ายติดประกาศไว้ที่ถุงบิ๊กแบ็กด้วย

นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่มุ่งเก็บตัวอย่างน้ำใช้ น้ำดื่ม และน้ำทิ้ง ในรัศมีใกล้เคียงโรงงาน 1 กิโลเมตร ก่อนตรวจสอบระบบระบายท่อน้ำทิ้ง เนื่องจากพบว่าโรงงานแห่งนี้มีท่อระบายน้ำทิ้งเชื่อมต่อไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งต้องดูว่ามีระบบการคัดกรองหรือบำบัดน้ำเสียหรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนที่อาศัยใกล้เคียงแม่น้ำเจ้าพระยาหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติไปก่อน จนกว่าจะมีผลตรวจยืนยันอีกครั้ง


ส่วนพนักงานของโรงงานแห่งนี้จะมีการตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกาย จากข้อมูลยังไม่มีการซักประวัติอย่างละเอียดว่ามีกลุ่มไหนที่มีความเสี่ยงบ้าง แต่โดยรอบพื้นที่เป็นโรงงานทั้งหมดในรัศมี 1 กิโลเมตร จึงทำให้กลุ่มเสี่ยงน่าจะอยู่ที่พนักงานของโรงงานดังกล่าวเท่านั้น เนื่องจากชาวบ้านอยู่ไกลออกไป หากไม่พบว่าโรงงานแห่งนี้เคยถลุงก็จะไม่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ ซึ่งจะไม่มีความเสี่ยงเท่ากับผู้ที่สัมผัส

ขณะที่ชาวบ้านบริเวณปากซอยของโรงงานจุดพบแคดเมียม ยอมรับว่ากังวลใจอย่างมาก เพราะติดตามข่าวสารเคมีอันตรายนี้มาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ใกล้บ้านตัวเอง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดแพทย์มาตรวจหาแคดเมียมในร่างกายชาวบ้าน และรีบย้ายกากแคดเมียมออกจากพื้นที่โดยเร็ว

สำหรับโรงงานแห่งนี้ประกอบกิจการรับซื้อและขายเศษเหล็กทุกชนิด ส่วนหน้าโรงงานยังเปิดทำการตามปกติ แต่ตัวอาคารถูกปิดกั้นตามคำสั่งเขตบางซื่อ ห้ามเข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดๆ ในพื้นที่ โดยซอยเข้าไปโรงงานไม่มีบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากด้านในเป็นลานจอดรถของสำนักงานสิ่งแวดล้อม กทม. ซึ่งจะมีรถเจ้าหน้าที่และรถขยะของ กทม. ผ่านเข้าออกตลอดทั้งวัน


โรงงานย่านบางซื่อพบแคดเมียม โยงโรงงานสมุทรสาคร
ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. เข้าตรวจสอบในโรงงาน ในซอยเวียงปรีชาถนนประชาราษฎร์ เขตบางซื่อ หลังได้รับรายงานว่าพบกากแคดเมียม ในโรงงานดังกล่าว มีนางวรรณา อายุ 65 ปี ภรรยาของนายเจษฎา หุ้นส่วนบริษัท เจแอนด์บี เมทอล จำกัด ที่พบแคดเมียมแห่งแรกที่สมุทรสาคร รับเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ จึงตรวจยึดกากแคดเมียม พร้อมทั้งแจ้งข้อหา “ครอบครองวัตถุอันตรายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

นางวรรณา ให้การว่า กากแคดเมียมที่พบในโรงงานจะนำไปไว้ที่โกดังบริษัท เจแอนด์บีฯ แต่มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ส่วนตัวสามีหลังจากที่เกิดเรื่องยังไม่เจอกัน

สำหรับนายเจษฎา หุ้นส่วนของบริษัท เจแอนด์บี เมทอล จำกัด ตำรวจออกหมายเรียกให้ไปพบที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันนี้ ล่าสุดเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็น 18 เม.ย.นี้

ด้านนางสางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า เป็นแคดเมียมที่ขนย้ายเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนี้มีแนวทางการทำงาน คือ สืบสวนสอบสวนการได้มาซึ่งกากแคดเมียม ว่ามีการขุดขึ้นมาเท่าไร และได้รับอนุญาตจากใคร มีใครเป็นผู้ครอบครองบ้าง และจำนวนเท่าไร รวมถึงเชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือแนวทางเรื่องความรับผิดชอบหลังจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังต้นทางและฝังกลบ ส่วนกรณีหากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าจะดำเนินการลงโทษโดยไม่มีละเว้น
ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ให้ข้อมูลว่าในภาพรวมทั้ง กทม. พบโรงเคลือบโลหะ 154 แห่ง โรงหลอมโลหะ 98 แห่ง จึงได้ออกคำสั่งให้ตรวจทั้งหมด

ตรวจซ้ำโรงงานสมุทรสาคร พบแคดเมียมซุกซ่อนเพิ่มอีก
ส่วนที่สมุทรสาคร นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะเข้าตรวจสอบกากแคดเมียม ที่บริษัท เจ แอนด์ บี เมทอล โรงงานแห่งแรกที่พบกากแคดเมียมซ้ำอีกครั้ง จากการตรวจค้นโดยละเอียดพบว่ายังมีกากแร่แคดเมียมอยู่ในถุงบิ๊กแบ็กอีกจำนวนมาก ทั้งในและนอกตัวอาคาร เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ทั้งหมด

ก่อนที่ปลัดอุตสาหกรรมฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วม 6 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมร่วมกันติดตามสถานการณ์กากแคดเมียม ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ประมาณการได้ว่าพบกากแคดเมียมแล้วกว่า 12,000 ตัน โดยจะกลับไปสู่หลุมฝังกลบที่จังหวัดตาก คาดว่าจะเริ่มเคลื่อนย้ายตามแผนที่วางไว้หลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งการจราจรไม่หนาแน่นมาก ตอนนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีการวางแผนให้รัดกุมที่สุด เพื่อให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด หรือต้องไม่เกิดผลกระทบใดๆ

สรุปข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวานพบเพิ่มอีก 2 จุด คือ ที่บริษัท เจแอนด์บี จ.สมุทรสาคร 3,000 ตัน และที่กรุงเทพฯ 150 ตัน ปริมาณกากตะกอนเเคดเมียมที่ตรวจพบ และตรวจนับใหม่ทุกจุด มีทั้งสิ้น 12,534.61 ตัน จากจำนวนกากอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมของแคดเมียมทั้งหมด 13,800 ตัน เหลือที่ต้องค้นหาอีกประมาณ 1,000 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้นคาดว่าใกล้ครบแล้ว

ชาวบ้านยื่นค้านขนย้ายกากแคดเมียมกลับ
ขณะที่ชาวบ้านตำบลหนองใต้ จังหวัดตาก กว่า 200 คน ซึ่งอยู่รอบๆ โรงงาน เข้ายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการที่ดินสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อคัดค้านการขนย้ายกากแคดเมียมกลับมากักเก็บไว้ที่เดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

RBC ไทย-กัมพูชา (ทภ.1) เห็นพ้อง 13 ข้อหยุดยิง ตอบรับเพิ่ม 3 ประเด็น

สระแก้ว 22 ส.ค.- ประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC ฝ่ายกัมพูชา ตอบรับ 3 ข้อเสนอ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม แต่ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ RBC โยนถกวง JBC แทน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลงสรุปผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ […]

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย