ปั้นสวนสาธารณะเลียบวารี 21 เตรียมเปิดใช้ภายใน มี.ค.นี้

กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ปั้นสวนสาธารณะเลียบวารี 21 เตรียมเปิดใช้ภายใน มี.ค.นี้ สำรวจพื้นที่ Hawker Center ตลาดริมสวนหนองจอก สุมวัดค่าฝุ่นแพลนท์ปูน CPAC ถนนมิตรไมตรี ชมคัดแยกขยะโรงเรียนสุเหร่าหะยีมินา


นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ในพื้นที่เขตหนองจอก ประกอบด้วยติดตามการพัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะเลียบวารี 21 เขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนเดิม) คือสวนไม้มงคล 76 จังหวัด พื้นที่ 12 ไร่ สวน 15 นาที (สวนใหม่) ได้แก่ 1.สวนโรงเรียนมัธยมวัดพระยาปลา พื้นที่ 8 ไร่ ดำเนินการแล้วเสร็จ 2.สวนสาธารณะเลียบวารี 21 พื้นที่ 7 ไร่ โดยใช้พื้นที่ 5 ไร่ จัดทำสวนหย่อมสำหรับเดินวิ่งออกกำลังกาย ศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะ แปลงปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ถนนสำหรับสัญจรในพื้นที่สวน คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนพื้นที่อีก 2 ไร่ อยู่ระหว่างพัฒนาพื้นที่ใช้สอยต่อไป 3.สวนโคกบ่อยาวบึงแตงโม พื้นที่ 2 ไร่ 1 งาน 49 ตารางวา จัดทำเป็นสวนหย่อมสำหรับออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ ตัดแต่งต้นไม้ ขุดปรับพื้นที่ให้เป็นบ่อน้ำ จัดทำทางเดินสำหรับเดินวิ่งออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้และปูสนามหญ้า ขณะนี้อยู่ระหว่างปลูกสร้างอาคารและจัดสวน 4.สวนไผ่คลองแขก พื้นที่ 5 ไร่ อยู่ระหว่างปรับพื้นที่ จัดสวน ปลูกสร้างศาลา จัดทำทางเดิน ห้องน้ำ ลานจอดรถ 5.สวนบึงน้ำใส พื้นที่ 7 ไร่ อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่และออกแบบสวน 6.สวนเลียบคลองลำไทร พื้นที่ 1 ไร่ อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่และออกแบบสวน 7.สวนฉลองกรุง พื้นที่ 4 ไร่ อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่และออกแบบสวน

สำรวจพื้นที่ Hawker Center ณ ตลาดริมสวนสาธารณะหนองจอก ถนนเลียบวารี เขตฯ มีพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 2 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 52 ราย ดังนี้ 1.ถนนเลียบวารี ตั้งแต่แยกถนนเลียบวารี ถึงซอยเลียบวารี 85 ผู้ค้า 26 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-09.00 น. จำนวน 7 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-20.00 น. จำนวน 19 ราย และ 2.ซอยสุวินทวงศ์ 64 ผู้ค้า 26 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-09.00 น. จำนวน 18 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-20.00 น. จำนวน 8 ราย ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผันอย่างต่อเนื่อง กวดขันไม่ให้มีผู้ค้าเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ ในส่วนของผู้ค้าบริเวณซอยเลียบวารี 25 ที่ผ่านมาเขตฯ ได้ประชุมสร้างความเข้าใจกับผู้ค้าในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการทำการค้าบนถนนและพื้นที่สาธารณะ การดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่หลังเลิกทำการค้าในแต่ละวัน โดยเขตฯ จะทบทวนความเหมาะสมภายในระยะเวลา 3 เดือน หากผู้ค้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด เขตฯ จะทำการยกเลิกพื้นที่ทำการค้าในบริเวณดังกล่าว โดยให้ย้ายเข้าไปทำการค้าในจุดที่เขตฯ จัดทำเป็น Hawker Center ตลาดริมสวนสาธารณะหนองจอก เพื่อความเป็นระเบียบในพื้นที่ต่อไป


ติดตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 แพลนท์ปูนบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) ถนนมิตรไมตรี ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำชับผู้ประกอบการให้ตรวจสอบเครื่องพ่นละอองน้ำให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเปิดตลอดเวลาการทำงาน ปรับปรุงบ่อคายกากและบ่อตกตะกอน โดยมีความลึกประมาณ 2.50 เมตร ไม่ปล่อยให้มีตะกอนปูนเศษหินเศษทรายล้นเต็มบ่อพัก ตรวจสอบควันดำรถบรรทุกรถโม่ปูนตามรอบที่กำหนด พร้อมทั้งมอบหมายให้เขตฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบและควบคุมสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยกำชับให้สถานประกอบการในพื้นที่ปฏิบัติตามแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเคร่งครัด เน้นย้ำผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดมลพิษทางอากาศ ร่วมกันลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ โรงเรียนสุเหร่าหะยีมินา ถนนสังฆสันติสุข วิธีการคัดแยกขยะ โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ คัดแยกนำขยะเศษอาหารไปทำน้ำหมักชีวภาพ และปุ๋ยหมักชีวภาพในถังหมักรักษ์โลก อีกส่วนหนึ่งนำมาเป็นอาหารเลี้ยงไส้เดือนเพื่อนำมูลไส้เดือนมาเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ นอกจากนี้จะมีผู้ปกครองมารับเศษอาหารเพื่อนำไปเลี้ยงปลา 2.ขยะรีไซเคิล คัดแยกขยะรีไซเคิล ประเภทกล่องนม ขวดพลาสติก กล่องกระดาษ นำไปประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ 3.ขยะทั่วไป คัดแยกขยะทั่วไปโดยนำไปทิ้งในถังขยะที่ตั้งวางไว้ตามจุดที่กำหนด เขตฯ ดำเนินการจัดเก็บ 4.ขยะอันตราย รวบรวมนำไปทิ้งในถังขยะ 0.2 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 1.4 กิโลกรัม/วัน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 1.3 กิโลกรัม/วัน ขยะอันตรายหลังคัดแยก 0.1 กิโลกรัม/วัน ขยะติดเชื้อหลังคัดแยก 0.1 กิโลกรัม/วัน

ในการนี้มี นายไพโรจน์ จันทรอด ผู้อำนวยการเขตหนองจอก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตหนองจอก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล-411-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย