1 ปี กทม.เดินหน้ามาตรการลดฝุ่นแล้วกว่า 30 เรื่อง

กทม. 6 ก.พ.- ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย 1 ปี กทม.เดินหน้ามาตรการลดฝุ่นแล้วมากกว่า 30 เรื่อง


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีกรรมการ 40 ท่าน มาจากหลายภาคส่วน เพราะปัญหาเรื่องฝุ่นเป็นปัญหาที่ไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งรับผิดชอบ แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันหลายหน่วยงาน อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมโรค กรมการขนส่งทางบก กรมธุรกิจพลังงาน กรมประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ปริมณฑลต่าง ๆ ทั้งนี้ ประเทศไทยมีแผนวาระแห่งชาติเรื่องฝุ่นอยู่แล้ว ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามหน้าที่ที่ต้องทำ ซึ่งในวันนี้แต่ละหน่วยงานได้มารายงานในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว


สำหรับกรุงเทพมหานครก็ได้ดำเนินการในกรอบอำนาจหน้าที่ และได้มีการทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของฝุ่น PM2.5 ว่ามาจากไหน ซึ่งมีอยู่ 3 ส่วน คือ โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์ และการเผาชีวมวล โดยปริมาณฝุ่นที่เกิดในกรุงเทพมหานครหลัก ๆ มาจากรถยนต์ดีเซล แต่ในช่วงที่ฝุ่นสูงสาเหตุหลักคือฝุ่นที่มาจากนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จากสถิติการตรวจพบจุดเผา เปรียบเทียบระหว่างวันที่ 1 – 31 มกราคม ของปี 2566 และปี 2567 พบจุดเผาในประเทศเพื่อนบ้าน ปี 66 จำนวน 25,856 จุด ปี 67 จำนวน 49,983 จุด สูงขึ้น 93% จุดเผาในประเทศ พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ปี 66 จำนวน 5,981 จุด ปี 67 จำนวน 3,252 จุด ลดลง 46% จุดเผาในประเทศ พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 66 จำนวน 6 จุด ปี 67 จำนวน 1 จุด ลดลง 83% ซึ่งในเรื่องนี้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการอาเซียนเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมและช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เพื่อให้ประเทศในภูมิภาคร่วมกันลดจุดความร้อน (การเผา)

ในเรื่องมาตรการ กรุงเทพมหานครได้จัดทำมาตรการลดฝุ่น 365 วัน มากกว่า 30 เรื่อง อาทิ “การลดควันดำ” ด้วยการกำจัดต้นตอฝุ่น โดยสถิติตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 – 5 ก.พ. 67 มีการตรวจวัดควันดำรถยนต์ 297,935 คัน สั่งการแก้ไข 3,079 คัน ตรวจสถานประกอบการ 12,380 ครั้ง สั่งการแก้ไข 8 แห่ง ตรวจสถานที่ก่อสร้าง 5,111 ครั้ง สั่งการแก้ไข 34 แห่ง ซึ่งในส่วนของเกณฑ์การตรวจสถานที่ก่อสร้าง หากไม่ผ่านเกณฑ์ 3 ครั้ง จะถูกพักใบอนุญาตก่อสร้าง นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจสภาพสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวม 118 แห่ง พบมีข้อบกพร่อง 17 แห่ง สั่งระงับบริการ 7 วัน เพื่อเร่งแก้ไขเร่งด่วน

ส่วนมาตรการ “การปรับปรุงรถควันขาว” กทม.ได้จัดทำโครงการ “รถคันนี้#ลดฝุ่น” เพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ ปัจจุบัน (ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 66 ถึงวันที่ 29 ม.ค. 67) มีจำนวนรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองแล้ว จำนวน 168,442 คัน ช่วยลด PM2.5 จากภาคการจราจรได้ 8% ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครและภาคีเครือข่ายได้ตั้งเป้าหมายเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองรถยนต์ไว้ที่ 300,000 คัน ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เชื่อว่าสามารถทำได้ ซึ่งหากทำได้จะสามารถลด PM2.5 จากการจราจรได้ถึง 15% จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนสำคัญในการลดการปล่อย PM2.5 อย่างยั่งยืน โดยผู้สนใจร่วมโครงการสามารถดูโปรโมชั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้ที่ https://drive.google.com/file/d/16PCsZC-0oGlOQmLoFkUCmjF88fs2A4qN/view?usp=sharing อีกทั้งยังมีนโยบายการเปลี่ยนน้ำมันให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งน่าจะทำให้ในระยะยาวสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จากภาคการจราจรดีขึ้น


ด้านมาตรการ “การลดการเผาในที่โล่ง” ในภาคการเกษตร กรุงเทพมหานครได้มีการซื้อรถอัดฟางให้เกษตรกรในพื้นที่หนองจอก มีนบุรี คันนายาว ได้ใช้ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร และทำให้เกษตรกรสามารถนำฟางอัดมาขายเป็นรายได้ได้อีกด้วย อนาคตอาจจะมีการพัฒนาเรื่องการจัดเก็บฟางอัดเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมต่อไป สำหรับตอซังที่เหลือได้มีการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลาย โดยปัจจุบันมีนวัตกรรมจุลินทรีย์ตัวใหม่ที่สามารถลดระยะเวลาการย่อยสลายจาก 30 วัน เหลือ 7 วัน ส่วนอีกมาตรการหนึ่งคือ “การพัฒนาพื้นที่ลักลอบทิ้งขยะ” โดยใช้พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดฯ เพื่อลดการลักลอบเผาขยะตามพื้นที่ต่าง ๆ

สำหรับแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต กรุงเทพมหานครมีเครือข่าย Work from Home (WFH) จำนวน 136 แห่ง รวมพนักงาน 53,545 คน โดยจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวเมื่อคาดการณ์ค่าฝุ่นเป็นสีแดง หรือค่า PM2.5 มากกว่า 75 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องกัน 3 วัน ใน 2 กรณี คือ 1. ค่าฝุ่นสีแดง 15 เขต (30% ของจำนวนเขตทั้งกทม.) หรือ 2. ค่าฝุ่นสีแดงพื้นที่กรุงเทพตะวันออก (ต้นลม) 7 เขต ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ถึงระดับนี้จึงยังไม่มีการประกาศ WFH โดยเหตุผลที่จะต้อง WFH คือ ทำให้ฝุ่นจากการจราจรลดลง ประชาชนได้อยู่ที่บ้านซึ่งน่าจะมีการป้องกันที่ดีกว่า

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา สภากรุงเทพมหานครมีการออกข้อบัญญัติให้รถเมล์ในกทม.ต้องเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดภายใน 7 ปี แต่คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า กทม.ไม่มีอำนาจในส่วนนี้ จะเห็นได้ว่า กทม.ไม่ได้มีอำนาจครอบคลุมทุกด้าน จึงต้องดำเนินการภายในกรอบอำนาจที่มี โดยปลัดกรุงเทพมหานครยังได้สั่งการให้สำนักงานเขตพิจารณานำแนวทางการประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญปรับใช้ตามสถานการณ์ ผู้อำนวยการเขตจะประเมินสถานการณ์ภายใต้ 3 เงื่อนไข คือ 1. มีเหตุเดือดร้อนรำคาญ 2. มีแหล่งกำเนิดฝุ่นมากกว่า 1 แห่ง 3. มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ก่อนออกประกาศ เรื่อง กำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ เพื่อควบคุมกิจกรรม/กิจการในพื้นที่ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่น ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข

ในเชิงสุขภาพของประชาชน กรุงเทพมหานครได้เปิดคลินิกมลพิษทางอากาศในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 8 แห่ง ได้แก่ รพ.กลาง รพ.ตากสิน รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ รพ.ลาดกระบังกรุงเทพมหานคร รพ.ราชพิพัฒน์ และ รพ.สิรินธร รวมถึงมีการประสานเครือข่ายขยายห้องเรียนปลอดฝุ่น โดยดำเนินการแล้ว 61 โรงเรียน ทั้งนี้ กทม.มีห้องเรียนชั้นอนุบาล 429 โรงเรียน รวมทั้งสิ้น 1,743 ห้อง มีเครื่องปรับอากาศ 697 ห้อง ไม่มีเครื่องปรับอากาศ 1,046 ห้อง และรวมไปถึงศูนย์เด็กเล็ก (ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร) ประมาณ 240 แห่ง ปัจจุบันมีเครื่องกรองอากาศแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องเครื่องปรับอากาศต่อไป

สุดท้ายเป็นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ประชาสังคม และประชาชน อาทิ การจัดทำโครงการรถคันนี้#ลดฝุ่น เครือข่าย WFH เครือข่ายนักสืบฝุ่น สภาลมหายใจ และการใช้ Traffy Fondue ในการรับแจ้งเหตุ

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ความร่วมมือต่าง ๆ จะดีขึ้น แต่สุดท้ายอยู่ที่การเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะฝุ่นเกิดจากคน หากคนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมก็ยากที่จะลดฝุ่นได้ ซึ่งการเปลี่ยนพฤติกรรมมี 2 รูปแบบ คือ ใช้แรงจูงใจ และเชิงบังคับ (นโยบาย/กฎหมาย)

ทั้งนี้ สถานการณ์ตอนนี้น่าจะเริ่มดีขึ้นเพราะมีลมใต้พัดเข้ามา แต่อนาคตอาจจะมีฝุ่นจากเกษตรกรรมในประเทศมากขึ้น ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด. 417.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย