สพฐ.สั่งเร่งตรวจสอบหลังพบยังหักเงินเดือนชำระหนี้ไม่ถูกต้อง

31 ม.ค. – สพฐ. สั่งหน่วยงานในสังกัดเร่งตรวจสอบ หลังพบยังหักเงินเดือนชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามนโยบายฯ ย้ำจะต้องมีเงินเดือนสุทธิหลังหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละ 30 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2555 โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด


นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในฐานะรองโฆษก สพฐ. เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายใต้การนำของ ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้ให้ความสำคัญและกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วน ตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการหักเงินเดือน พ.ศ.2551 จึงได้มีหนังสือที่ ศธ.04285/1755 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2562 และหนังสือที่ ศธ.04001/ว 7735 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2566 แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสถานศึกษาที่เป็นหน่วยเบิก ดำเนินการหักเงินเดือนเงินบำนาญ ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการหักเงินเดือนเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ. 2551 อย่างเคร่งครัด

นายธีร์ กล่าวว่า ด้วยนโยบายลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นการแก้ปัญหาหนี้สิน และช่วยเหลือให้มีรายได้คงเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพ ซึ่งปัจจุบัน สพฐ.ได้มอบหมายให้สถานีแก้หนี้ระดับเขตพื้นที่ สำรวจสภาพหนี้และจัดกลุ่มครูตามภาระหนี้สิน เป็นสีแดง สีเหลือง และสีเขียว และมีมาตรการที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม และให้มีการติดตามผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิดทุกเดือน โดยพบว่าการหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ไม่ถูกต้องตามระเบียบ จึงมีหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสถานศึกษาที่เป็นหน่วยเบิกให้ดำเนินการหักเงินเดือน เงินบำนาญให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯ ดังกล่าว ที่บัญญัติให้ส่วนราชการหักเงิน ณ ที่จ่ายเพื่อชำระหนี้เงินกู้นั้น จะต้องมีเงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละ 30 ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2555 โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด


ทั้งนี้ หลังจากส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานในสังกัดแล้ว พบว่ายังมีครูที่ถูกหักจ่ายเงินเดือนไม่ถูกต้องตามระเบียบฯ จึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสถานศึกษาที่เป็นหน่วยเบิกได้ตรวจสอบและดำเนินการหักเงินเดือนให้ถูกต้องตามระเบียบฯ อย่างเร่งด่วน หากพบว่ามีเจตนาไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวข้างต้น จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยต่อไป เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และรักษาสิทธิของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ถูกต้อง ตามนโยบายของ ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. เพื่อให้ สพฐ. เป็นองค์กรที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสตรวจสอบได้อย่างแท้จริง. -417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก