กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – เลขาธิการ กพฐ. รับลูกเสมาฯ 1 ลุยลดภาระครูอยู่เวร ชง ครม. เรียบร้อย ขอภารโรงให้ทุกโรงเรียน
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีมีคนร้ายบุกทำร้ายร่างกายครูขณะที่มาอยู่เวรรักษาการเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา เหตุเกิดภายในบริเวณโรงเรียนบ้านโป่งเกลือ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และมีการต่อสู้จนครูได้รับบาดเจ็บปากแตก มีแผลฟกซ้ำบริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งต่อมาจับกุมคนร้ายได้แล้วนั้น เบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มอบหมายศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. บุคลากรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 (สพป.เชียงราย เขต 1) นักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่ พร้อมทีมสหวิชาชีพ รุดลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามอาการของครูที่ได้รับบาดเจ็บ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ได้แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้ สพฐ. ดูแลขวัญและกำลังใจของครูที่ประสบเหตุ พร้อมติดตามการดำเนินคดี และกำหนดแนวทางสร้างเสริมความปลอดภัยในสถานศึกษาให้รัดกุมมากขึ้น ซึ่งตนได้โทรศัพท์สอบถามเหตุการณ์และส่งกำลังใจให้แก่ครูที่ประสบเหตุด้วยตนเอง พบว่าครูมีขวัญกำลังใจที่ดี อาการดีขึ้นแล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ทราบถึงภาระและความกังวลใจของครูทั่วประเทศที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการ ไม่ว่าจะเป็นเวรกลางวันหรือเวรกลางคืน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2542 ที่กำหนดให้สถานที่ราชการทุกแห่งต้องจัดให้มีเวรรักษาการ เพื่อดูแลและป้องกันความเสียหายอันจะบังเกิดแก่สถานที่ราชการ จึงได้กำหนดนโยบายลดภาระครู เพื่อให้ครูได้ทุ่มเทเวลาเพื่อการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ และได้สั่งการ สพฐ. ให้เสนอขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติคืนอัตรานักการภารโรงกว่า 14,000 ตำแหน่ง เพื่อให้ทุกโรงเรียนมีนักการภารโรงประจำ ซึ่ง สพฐ. ได้จัดทำคำขอต่อ ครม. เรียบร้อยแล้วตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา
ในระหว่างที่รอ ครม. พิจารณาอนุมัติคืนตำแหน่งนักการภารโรง ซึ่งจะสามารถช่วยทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่โรงเรียนได้อีกแรงหนึ่ง ขอสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานปกครองในพื้นที่หรือผู้นำชุมชน ช่วยจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยในโรงเรียน และช่วยเฝ้าระวังกรณีชุมชนมีบุคคลผู้เสี่ยงมีพฤติกรรมรุนแรง ซึ่ง สพฐ. ส่วนกลางได้มีหนังสือส่งถึงกระทรวงมหาดไทยให้สนับสนุนการทำงานของโรงเรียนก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากนี้ สพฐ. จะได้เร่งแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดเวรยามและการรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษาที่เหมาะกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเสริมสร้างความปลอดภัย เพื่อให้โรงเรียนเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ที่สร้างความสุขและความอุ่นใจให้แก่ครู นักเรียนทุกคน.-417-สำนักข่าวไทย