ดีเอสไอ 12 ม.ค. – ดีเอสไอเผยขั้นตอนคดีหัวคิวแรงงานไปฟินแลนด์ ส่ง ป.ป.ช.ใน 30 วัน ชี้มีการบังคับใช้แรงงานไม่เป็นตามที่ตกลง ทำให้เป็นเหยื่อค้ามนุษย์
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงขั้นตอนดำเนินการ หลังจากที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอกับอัยการมีมติร่วมกันให้กล่าวหาอดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน อีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แล้ว เนื่องจากบุคคลที่มีมติให้กล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ฉะนั้นจะเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 จากนี้จะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว
โฆษกดีเอสไอ กล่าวอีกว่า การเก็บค่าหัวคิวเกิดขึ้นช่วงขาไป แบ่งเป็น 2 ส่วนเรื่องการเดินทางไป ถูกเก็บหัวคิว ส่วนที่ไปถึงฟินแลนด์แล้ว เป็นเรื่องบังคับใช้แรงงานแล้วไม่เป็นไปตามงานที่ตกลงกัน หลอกไปเก็บผลไม้ เป็นคดีที่ต่างประเทศดำเนินการแล้ว ส่วนที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์เกิดทั้งที่ฟินแลนด์ และไทย มีการดำเนินการตั้งแต่ไทยที่ไม่ได้แสดงข้อเท็จจริงทั้งหมดและหลอกให้ไปทำงานที่ฟินแลนด์ ไม่เป็นเหมือนข้อเท็จจริงที่แจ้งที่ไทย พนักงานสอบสวนมองเป็นเรื่องการบังคับใช้แรงงาน คดีนี้โฟกัสที่ตัวเจ้าหน้าที่รัฐ โดยดีเอสไอจะดำเนินการส่ง ป.ป.ช.ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ม.61 วรรค 1 กำหนดต้องส่งใน 30 วัน
โฆษกดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า เอกสารข่าวดีเอสไอ ไม่ได้ระบุกล่าวหาบุคคลใดเปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นเรื่องการให้ข้อมูลสาธารณะว่ามีคดีเช่นนี้เกิดขึ้นและดีเอสไอกำลังทำอะไรอยู่ เราเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้ถูกกล่าวหาในการไม่เปิดเผยรายละเอียดเกินสมควร หากส่ง ป.ป.ช.แล้ว ป.ป.ช.เห็นว่าต้องการให้ดีเอสไอดำเนินการต่อ ก็จะส่งเรื่องกลับมาให้ดีเอสไอทำคดี
สำหรับคดีนี้ การสอบสวนพบมีขบวนการสมคบระหว่างนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลธรรมดา ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทผู้ประสานงานฝั่งไทยที่ประสานงานกับบริษัทนำเข้าแรงงานของฟินแลนด์ เก็บค่าหัวคิว หรือค่าดำเนินการ เฉลี่ยรายละ 3,000 บาท ทั้งที่ไม่มีสิทธิเรียกเก็บตามกฎหมาย โดยช่วงดำเนินคดีปี พ.ศ.2563-2566 มีประมาณ 12,000 คน อยู่ในข่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว คิดเป็นเงินรวมประมาณ 36 ล้านบาท.-119-สำนักข่าวไทย