วธ.เผยผลโพลคนรุ่นใหม่ฮิตอวยพรปีใหม่ญาติผู้ใหญ่-เพื่อน ผ่านไลน์-เฟซบุ๊ก

กรุงเทพฯ 30 ธ.ค. – วธ. เผยผลโพลคนไทยอยาก “สวดมนต์ข้ามปี” เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ณ วัดใกล้บ้าน ตั้งใจลด ละ เลิก อบายมุข ขอของขวัญปีใหม่เรื่องสุขภาพแข็งแรง การเรียน-การงาน คนรุ่นใหม่ฮิตอวยพรปีใหม่ญาติผู้ใหญ่-เพื่อน ผ่านไลน์-เฟซบุ๊กมากที่สุด


นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเด็ก เยาวชน และประชาชน ที่มีต่อกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี ต้อนรับศักราชใหม่ 2567” จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 13,100 คน ครอบคลุมทุกอาชีพและทุกภูมิภาค โดยมีผลสรุปดังนี้

เด็ก เยาวชน และประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.40 เคยเข้าร่วมกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี” และเมื่อสอบถามความสนใจของเด็ก เยาวชน และประชาชน ในการเข้าร่วมกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี” ในปีนี้ พบร้อยละ 51.27 ไม่แน่ใจ แล้วแต่โอกาส ในการเข้าร่วมกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี” และร้อยละ 32.96 สนใจเข้าร่วมกิจกรรม


เมื่อสอบถามสนใจร่วมกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี” ที่ใดบ้าง ร้อยละ 60.08 สวดมนต์ข้ามปี ณ วัดสำคัญหรือศาสนสถานที่จัดกิจกรรมในจังหวัดของตนเอง ร้อยละ 38.92 บ้าน ร้อยละ 29.40 สวดมนต์ข้ามปีในรูปแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ฯลฯ ร้อยละ 12.62 สวดมนต์ข้ามปี ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และร้อยละ 10.88 สวดมนต์ข้ามปี ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

นายเสริมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสอบถามถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 63.79 เห็นว่าเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยสิ่งดีๆ ที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ร้อยละ 39.82 ได้ร่วมกิจกรรมกับครอบครัวเพื่อสานสัมพันธ์ ร้อยละ 38.15 ส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมของคนในชาติ ร้อยละ 38.11 ส่งเสริมการนำหลักธรรมทางศาสนามาเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของคนไทยมากยิ่งขึ้น ร้อยละ 33.63 เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนลด ละ เลิก อบายมุข ในเทศกาลปีใหม่ ส่วนผู้ที่เด็ก เยาวชน และประชาชน อยากชวนไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ร้อยละ 66.53 ครอบครัว ร้อยละ 13.22 เพื่อน/เพื่อนร่วมงาน ร้อยละ 8.25 คนรัก ร้อยละ 7.21 ญาติพี่น้อง และร้อยละ 2.66 ดารา/ศิลปิน

นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกิจกรรมที่เด็ก เยาวชน และประชาชน ตั้งใจจะทำในวันขึ้นปีใหม่ ร้อยละ 58.44 ทำบุญตักบาตร ร้อยละ 43.71 พักผ่อนอยู่กับบ้าน ร้อยละ 42.83 ขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ และเมื่อสอบถามจะอวยพรปีใหม่ให้แก่ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ ครู อาจารย์ หรือเพื่อน ผ่านช่องทางใด ร้อยละ 53.54 ไลน์ (Line) ร้อยละ 47.91 เฟซบุ๊ก (Facebook) ร้อยละ 37.54 พูดคุยทาง ส่วนของขวัญที่อยากได้มากที่สุด ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 41.93 อยากให้คนในครอบครัวสุขภาพร่างกายแข็งแรง ร้อยละ 16.93 การเรียน สอบผ่าน ได้คะแนนดี ร้อยละ 12.50 การงานก้าวหน้า ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ผลสำรวจได้สอบถามความเห็นเด็ก เยาวชน และประชาชน ในเรื่องการส่งเสริมกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี ต้อนรับศักราชใหม่ 2567” ของ วธ. โดยมีข้อเสนอแนะให้เพิ่มช่องทางในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี ต้อนรับศักราชใหม่ 2567” เพื่อให้ประชาชนทราบถึงวัน เวลา สถานที่จัดกิจกรรม การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เป็นต้น เพื่อให้การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปียิ่งใหญ่และครอบคลุมในทุกพื้นที่ รวมทั้งเพิ่มช่องทางการสวดมนต์ออนไลน์ผ่านทางแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีต้อนรับศักราชใหม่ 2567 แล้ว รัฐบาล หรือ วธ. ควรจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร เพื่อร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ และเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต กิจกรรมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม อาทิ การแสดงโขน การแสดงพื้นบ้าน การแสดงดนตรีไทย เป็นต้น เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนเนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ และร่วมอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อชมหรือสัมผัสศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ อาทิ ประติมากรรม จิตรกรรม สถาปัตยกรรม เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสวิถีชีวิตที่ดีงามของไทย

อย่างไรก็ตาม วธ. ได้นำข้อเสนอแนะเหล่านี้มาพัฒนาการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้ร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม รวมทั้งขับเคลื่อน Soft Power ด้านเฟสติวัลและด้านท่องเที่ยว รองรับนโยบาย Thailand Creative Content Agency (THACCA) ของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมการสร้างงานสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ.-612-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย