ห่วงผู้ป่วยมะเร็งดื่มน้ำใบมะละกอ หวั่นทิ้งการรักษาแผนปัจจุบัน

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. – กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ห่วงใยประชาชนและผู้ป่วยมะเร็ง ดื่มน้ำคั้นใบมะละกอ ด้วยความเชื่อว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ชี้น้ำใบมะละกอยังไม่มีงานวิจัยในคน จึงควรใช้อย่างระวัง และไม่ควรทิ้งการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน


ดร.ภญ.ดวงแก้ว ปัญญาภู รองผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า จากกระแสข่าวการใช้ใบมะละกอรักษามะเร็งนั้น ต้องเข้าใจใน 2 ส่วน คือ การรับประทานใบมะละกอเป็นอาหาร กับการใช้ใบมะละกอรักษาโรค ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการนำใบมะละกอมารับประทาน แต่คนไม่ค่อยนิยม เพราะเหม็นเขียว และมียาง ทำให้รับประทานยาก แต่บางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำมาเป็นเครื่องเคียงกับอาหารว่างบางชนิด เช่น ตำกล้วย สารสำคัญของใบมะละกอ มีกลุ่มสารไกลโคไซด์ อัลคาลอยด์ และเฟลโวนอยด์ มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณสูง ถึงแม้รับประทานได้ไม่เป็นอันตราย แต่หลักการรับประทานอาหารโดยทั่วไป การเตรียมวัตถุดิบในการปรุงอาหารต้องสะอาด รับประทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำเป็นเวลานาน ส่วนการรับประทานใบมะละกอในการรักษาโรค ใบมะละกอ มีการศึกษาวิจัย แต่ยังเป็นการศึกษาวิจัยในหลอดทดลอง และสัตว์ทดลอง ดังนั้น ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย สามารถเชื่อมั่นได้ว่า โรคมะเร็งมีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน ต้องคำนึงถึงสภาวะโรคของแต่ละบุคคล และต้องมีการติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากการรักษาแผนหลักไม่ประสบผลสำเร็จ หรือไม่สามารถทนต่ออาการไม่พึงประสงค์ของยา หรือแนวทางการรักษาแผนหลักได้ สมุนไพรอาจเป็นทางเลือก แต่ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมร่วมกันระหว่างแพทย์เจ้าของไข้ผู้ป่วย เภสัชกร และแพทย์แผนไทย ที่มีความรู้ด้านสมุนไพร ส่วนน้ำใบมะละกอก็ควรต่อยอดการศึกษาวิจัยในคนต่อไป

ดร.ภญ.ดวงแก้ว กล่าวอีกว่า แนวทางการรักษามะเร็งด้วยสมุนไพรเพื่อใช้เป็นทางเลือกนั้น นอกจากการรักษาแผนปัจจุบันแล้ว ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับการดูแลแบบองค์รวม ทั้งในด้านอาหารที่เป็นประโยชน์ อากาศบริสุทธิ์ อารมณ์ดีไม่เครียด และการออกกำลังกายที่สมดุล เหมาะกับสภาวะผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ทั้งทางกาย และทางใจ ตามหลักการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก


หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย หรือการใช้ยาสมุนไพร สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์แผนไทย ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ หรือติดต่อโดยตรงที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมายเลขโทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/dtam.moph และไลน์แอดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก line @DTAM.-411-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

นักธรณีคาดดินยุบตัว เพราะเป็นจุดทางน้ำไหลผ่านจนเกิดโพรง

นักธรณีวิทยาลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดินยุบตัวกินพื้นที่กว่า 4 ไร่ เบื้องต้นคาดเป็นจุดทางน้ำไหลผ่านจนเกิดโพรง ทำให้ดินยุบตัวเป็นวงกว้าง

ก.อุตฯ เตรียมส่งตรวจเหล็กตึก สตง. เพิ่ม 21 เม.ย.

ก.อุตสาหกรรม กางผลตรวจเหล็กตึก สตง.ถล่ม รอบแรก ก่อนส่งตรวจเพิ่มอีก 40 ท่อน 21 เม.ย. ย้ำผิดคือผิด! ผู้ผลิต-จนท.มีเอี่ยว เตรียมปิดเทอม

พายุฝนพัดต้นยางอายุร่วม 100 ปี ทับโรงครัววัดพังราบ

พายุฝนลมกระโชกแรง ซัดต้นยางอายุร่วม 100 ปี วัดนางเหลียว ล้มทับโรงครัวพังเสียหาย ชาวบ้านในงานศพตื่นตระหนก วิ่งหนีกระเจิง

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง.ถล่ม เข้าสู่วันที่ 24 เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง