เตือนประชาชนที่ประสบภัยหนาวเฝ้าระวังตนเอง

สธ. 1 ธ.ค. – กรมอนามัย แนะประชาชนในพื้นที่ประสบภัยระวังภัยหนาว โดยเฉพาะจังหวัดในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฝ้าระวังตนเอง ลดความเสี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพ จากการผิงไฟช่วงหน้าหนาว เช่น อันตรายจากควันพิษ บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ ไฟคลอก เป็นต้น เพื่อป้องกันตนเองและคนในครอบครัว


นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากรายงานข้อมูลของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติและกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 และจะมีอากาศหนาวเย็นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงช่วงเดือนมกราคม 2567 จะเป็นช่วงเวลาที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดสำหรับยอดดอยและยอดภู รวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และจะสิ้นสุดฤดูหนาวประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ส่งผลให้บางพื้นที่จะมีอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน ถึงแม้ว่าในปีนี้อุณหภูมิหนาวเย็นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงภัยหนาวและเตือนภัยเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพจากภัยหนาว เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียจากไฟไหม้บ้านเรือน การขาดอากาศหายใจจากการผิงไฟในเต็นท์ของนักท่องเที่ยว เสียชีวิตการดื่มสุราคลายหนาว รวมถึงอุบัติเหตุ เสียชีวิตจากเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊สได้ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยระวังภัยหนาว ป้องกันตนเองและคนในครอบครัว

นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนควรดูแลสุขภาพตนเองในการรับมือภัยหนาวอย่างปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพ โดยนำเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มกันหนาวซักให้สะอาดแล้วตากแดดให้แห้งพร้อมนำออกมาใช้อย่างปลอดภัย หากอุณหภูมิลดลงให้ดื่มน้ำอุ่น และกินอาหารปรุงสุกใหม่ ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ให้สำรวจเฝ้าระวังกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยงภัยหนาวในพื้นที่ ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนพิการทุพพลภาพ และสตรีมีครรภ์ พร้อมเร่งสื่อสารเตือนภัยเพื่อให้เตรียมพร้อมดูแลสุขภาพจากภัยหนาว หลีกเลี่ยงการผิงไฟในที่อับอากาศเพื่อลดความเสี่ยงการเสียชีวิต รวมทั้งการเฝ้าระวังอัคคีภัยจากการเผาฟืน จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ให้หมั่นตรวจตรา ทดสอบความปลอดภัย และให้ความรู้ความเข้าใจแก่สถานประกอบกิจการ หรือครัวเรือนที่มีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊สอย่างเข้มงวด เพื่อให้ควบคุม ป้องกันอันตรายจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นดังกล่าว ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตของผู้ใช้งาน


นอกจากนี้ การก่อไฟแต่ละครั้งจะมีควันไฟออกมา ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว และหากไม่ดับไฟให้สนิทอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดไฟไหม้ ดังนั้น จึงควรก่อไฟในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ขณะผิงไฟควรนั่งหรือยืนอยู่เหนือทิศทางลม สำหรับกลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บริเวณที่มีการก่อไฟ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการนำเตาถ่านหรือตะเกียงน้ำมันก๊าดเข้าไปจุดผิงไฟในเต็นท์ เนื่องจากจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ เมื่อสูดดมก๊าซทั้ง 2 ชนิดนี้เข้าไปในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองทำให้เกิดอาการง่วง หลับโดยไม่รู้ตัว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้หรือถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต ส่วนการป้องกันเพลิงไหม้บ้านเรือน ก่อนประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยววันหยุดเทศกาลขอให้ตรวจการปิดเตาแก๊สถอดปลั๊กไฟ และดับธูปเทียนทุกครั้งหลังใช้งาน ไม่ทิ้งก้นบุหรี่ ไม่เผาขยะหรือวัชพืชใกล้วัสดุติดไฟง่าย ไม่ดื่มสุราแก้หนาว เพราะสุราเป็นตัวเร่งให้ร่างกายสูญเสียความร้อน ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงจนอาจเสียชีวิตได้. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

ตรวจสอบแล้วไม่พบบ่อน หลังโซเชียลโพสต์แฉเปิดห่าง สน.ห้วยขวาง 500 ม.

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วไม่พบบ่อน หลังโซเชียลโพสต์ระบุเปิดห่าง สน.ห้วยขวาง เพียง 500 เมตร ด้านเจ้าของสถานที่ยืนยันไม่เคยปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นบ่อน การมีคนโพสต์ทำนองนี้ทำให้ได้รับความเสียหาย หลังจากหลายเพจโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการเปิดบ่อนพนันห่างจาก สน.ห้วยขวาง เพียง 500 เมตร ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (13 ก.ย.) ตอนที่เห็นหลายๆ เพจโพสต์ ขณะนั้นอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจพิเศษ พอรับทราบได้แจ้งตำรวจสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบทันที ผลการตรวจสอบรอบแรกปรากฏว่าเป็นจุดเดิมที่เคยมีการตรวจสอบและจับกุม ลักษณะเป็นห้องเล็กๆ และไม่พบว่ามีการใช้พื้นที่ดังกล่าว จึงตรวจสอบใหม่อีกรอบในเวลาเที่ยงคืน พบว่าห้องยังคงอยู่ในลักษณะเดิม ไม่พบการลักลอบเล่นหรือมีการใช้ห้อง โดยเรื่องการกระทำผิดโดยเฉพาะเรื่องบ่อน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยสั่งการให้ทุก สน. กวดขันเข้มงวดในเรื่องนี้ และทาง สน.ห้วยขวาง มีการกวดขันมาโดยตลอด หลังจากนี้ถ้าประชาชนมีเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ และตำรวจจะลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นระยะ ด้านเจ้าของสถานที่ ระบุว่า ห้องดังกล่าวเดิมเคยเป็นที่เก็บของของร้านเหล้าที่อยู่ด้านหน้า เช่าไว้เก็บโต๊ะ เก้าอี้ สตอกเบียร์ โดยเช่าพื้นที่ของตนตั้งแต่ปี 2558 และเพิ่งยกเลิกเช่าเมื่อ […]

หนุ่มถูกจับได้แอบถ่ายใต้กระโปรง โดดห้างหนี เสียชีวิตแล้ว

นนทบุรี 13 ก.ย. – หนุ่มวัย 21 ที่กระโดดห้างดังย่านบางใหญ่ หลังถูกจับได้ว่าแอบถ่ายใต้กระโปรงสาว เสียชีวิตแล้ว ด้านแม่บอกลูกชายโทรหา ยอมรับถ่ายจริง แต่ถูกคนข่มขู่แบล็กเมล บังคับให้ทำ จากกรณี นายปุณณภพ อายุ 21 ปี กระโดดจากชั้น 4 ศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลบริเวณศีรษะด้านหลังขนาดใหญ่ ข้อเท้าด้านขวาหักผิดรูป โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลของศูนย์การค้าฯ และแพทย์ที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าฯ พยายามช่วยกันทำ CPR ก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุดมีรายงานว่า นายปุณณภพ เสียชีวิตแล้ว ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายฟ่าง อายุ 29 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนกับกลุ่มเพื่อนเดินเล่นอยู่ในห้างดังกล่าว สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุ มีพฤติกรรมแปลกๆ ถือ iPad คว่ำหน้า และแหงนกล้องขึ้นด้านบน อยู่หลังเด็กนักเรียนหญิงที่สวมใส่ชุดนักเรียนขณะกำลังขึ้นบันไดเลื่อน ตนและเพื่อนจึงได้มีการเดินตามเพื่อเข้าไปสอบถาม ผู้ก่อเหตุพยายามเดินหนี ระหว่างนั้นมีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ. กระทั่งขึ้นไปอยู่ด้านบนชั้น 4 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย