กทม.ชนหมัดคมนาคม​ เดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งมวลชน

กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – กทม.ชนหมัดคมนาคม​ เดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ตั้งเป้าป้องกันและลด PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่ง


(20 พ.ย.66) เวลา 15.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมแถลงนโยบายและมาตรการเพื่อป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่ง โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก​ นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม​ ร่วมแถลงข่าว ​​และมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร​ ผู้บริหารสำนักสิ่งแวดล้อม​ ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมงานแถลงข่าว ณ ห้องราชดำเนิน ชั้น 2 อาคารราชรถสโมสร กระทรวงคมนาคม เขตพระนคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีอัตราการใช้รถยนต์บนท้องถนน การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ฯลฯ ซึ่งเป็นสาเหตุในการเกิดมลพิษ ทางอากาศฝุ่น PM 2.5 โดยกรุงเทพมหานครได้จัดทำแผนลดฝุ่น 365 วัน ค่าฝุ่นไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. และแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤติที่มีค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 มคก./ลบ.ม. เพื่อการติดตามเฝ้าระวัง กำจัดต้นตอ ป้องกันประชาชน และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 แบบทุกมิติ พร้อมทั้งบูรณาการร่วมกับกรมขนส่งทางบก (ขบ.)​ ออกตรวจสอบวัดค่าควันดำรถบรรทุก ณ สถานประกอบการ ได้แก่ แพลนท์ปูน บริเวณไซต์งานก่อสร้าง สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ โรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพฯ


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า​ ปัญหาหลักมี​ 3 เรื่อง​ คือ​ 1.คุณภาพของรถยนต์ที่นำมาใช้ เช่น เครื่องยนต์รถดีเซล ซึ่งปล่อยฝุ่นละอองจำนวนมาก การที่เราตั้งจุดตรวจควันดำจะช่วยได้มาก รวมถึงการร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงาน ในการสร้างมาตรการรณรงค์หรือโครงการช่วยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศรถบรรทุกให้บ่อยขึ้น ช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ​

2.การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ​ ซึ่ง กทม. จะสนับสนุนในเรื่องของรถ​ Feeder​ และพัฒนาคุณภาพของรถประจำทางเพื่อสิ่งแวดล้อม​ รวมถึงการพัฒนา​ Bus​ Lens ในถนนที่เหมาะสม​ เพื่อดึงดูดให้คนมาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น​ 3.เรื่องของการควบคุมคุณภาพอากาศจากการก่อสร้างต่างๆ​ และควบคุมการก่อสร้างให้รวดเร็ว เพื่อเร่งคืนผิวการจราจร ลดการจราจรติดขัด​ ซึ่งการบูรณาการร่วมกันครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะลดฝุ่น PM 2.5 ให้ประสบความสำเร็จ

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า​ กทม. มีแนวคิดที่จะแสดงให้เห็นว่า​ กทม. ให้ความสำคัญกับระบบขนส่งสาธารณะมากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว​ ด้วยการพัฒนารถประจำทางให้มีความพร้อมปลอดภัยและเชื่อมโยงในระดับเส้นเลือดฝอย เพื่อขนส่งประชาชนสู่ระบบขนส่งสาธารณะสายหลัก​ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณชานเมืองที่ต้องพัฒนา เนื่องจากปัจจุบันประชาชนพักอาศัยยามชานเมืองมากขึ้น​ นอกจากนี้ กทม. จะเป็นเสมือนผู้สำรวจเส้นทางใหม่ๆ​ ที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นแต่ยังขาดระบบขนส่งสาธารณะ​ โดยจะเข้าไปบุกเบิกนำร่องเส้นทางรถประจำทาง หรือรถ Feeder ซึ่งหากเส้นทางดังกล่าวผลตอบรับดี มีผู้ใช้งานมาก จะส่งต่อให้ผู้ประกอบการ​เอกชนที่สนใจดำเนินการต่อไป รวมถึงการสำรวจถนนที่สามารถจัดสร้าง​ Bus​ Lens ได้ รวมถึงเพิ่มความถี่และปรับปรุงคุณภาพของรถ MRT จะสามารถทำให้ขยายเส้นทางไปสู่ถนนสาทรได้ในอนาคต​


“ปัญหาฝุ่น PM 2.5​ เกี่ยวข้องถึงหลักเศรษฐศาสตร์​และปัญหาเชิงเศรษฐกิจ อาทิ​ การเปลี่ยนให้เป็นรถบรรทุกใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม ก็จะกระทบผู้ประกอบการรายย่อย​ การเผาตอซังข้าวก็ต้นทุนถูกกว่าการจัดเก็บตอซังข้าว​ การใช้รถยนต์ส่วนตัวสะดวกสบายกว่าการใช้ระบบขนส่งสาธารณะหรือการเดินทางเท้า ดังนั้น โจทย์คือเราจะทำอย่างไรให้ประชาชนร่วมในมาตรการลด​ PM 2.5 โดยมีต้นทุนที่ถูกลง รวมถึงพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้สะดวกสบายปลอดภัยขึ้น” ผู้ว่าฯ​ ชัชชาติ​ กล่าวในตอนท้าย

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร ได้บูรณาการร่วมกันในการเร่งรัดแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยความห่วงใยและใส่ใจในผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของพี่น้องประชาชนรวมถึงเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดจัดทำนโยบายเชิงรุก ในการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม และกำหนดมาตรการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน รวมถึงติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล​ ตรงตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล โดยมีมาตรการ​ อาทิ​

กรมการขนส่งทางบก ร่วมมือกับ​กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตรวจวัดควันดำรถบรรทุก ณ สถานประกอบการ ได้แก่ แพลนท์ปูน บริเวณไซต์งานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพฯ และจัดชุดเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ในกรุงเทพฯ ให้ครบทุกแห่ง (233 แห่ง) เพื่อให้การตรวจสภาพรถเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมร่วมมือกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตรวจสอบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร (หมวด 1) ณ อู่รถ ขสมก. ทั้ง 8 เขตการเดินรถ จำนวน 21 แห่ง นอกจากนี้จะร่วมมือกับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ตรวจสอบรถโดยสารประจำทาง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ หมอชิต รังสิต เอกมัย สายใต้ใหม่

ในส่วนของกรมการขนส่งทางบก ดำเนินมาตรการจัดชุดผู้ตรวจการออกตรวจสอบควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วและเฝ้าระวังในกรณีที่พบว่าในบางพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5​ อยู่ในขั้นวิกฤติ จัดชุดเฉพาะกิจให้คำแนะนำเชิงรุกเพื่อป้องกันการปล่อยควันดำของรถโดยสารไม่ประจำทาง ณ สถานประกอบการ และดำเนินการการลดจำนวนรถบรรทุกและรถโดยสารเข้าเขตเมืองชั้นใน โดยให้บริการตรวจสภาพรถ ณ สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล คลองหลวง และร่มเกล้า

กำชับให้การขนส่งทางราง การรถไฟแห่งประเทศไทย และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดำเนินการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้นด้วย เช่น นโยบายอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย สำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะกำกับดูแลผู้รับเหมาให้คืนพื้นผิวจราจรโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีการปล่อย PM 2.5 จากรถยนต์ ส่วนในพื้นที่ที่ยังคงมีการก่อสร้างให้มีการกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้รับจ้าง โดยการให้ล้างทำความสะอาดถนน ทำความสะอาดล้อรถ และตรวจสอบเครื่องจักรให้มีสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะลดการปล่อย PM 2.5 ได้เช่นกัน​ และมอบหมายให้กรมทางหลวง บริหารจัดการจราจร ลดการติดขัด แก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบริเวณพื้นที่ด่านเก็บค่าผ่านทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) เข้มงวดผู้รับเหมาฉีดน้ำรักษาความสะอาดในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองจากกิจกรรมก่อสร้าง จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อดับไฟป่าและไฟไหม้สองข้างทางหลวง

ให้​ ขสมก. และ บขส. เข้มงวดการตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารทุกคันก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน และดำเนินการจัดหารถโดยสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาให้บริการประชาชน​ ในส่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)​ แก้ปัญหาสภาพการจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ในสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่จัดให้มีมาตรการป้องกันฝุ่นละอองอย่างเคร่งครัดและติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำแรงดันสูงที่สูงเพื่อลดฝุ่นหน้าด่านฯ​ โดยเครื่องจะทำงานอัตโนมัติเมื่อตรวจพบค่า​ PM 2.5 เกิน​ 37.5 มคก./ลบ.ม. และฉีดล้างทำความสะอาดบริเวณผิวจราจรและหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ

นอกจากนี้​จะกำชับให้ทุกหน่วยงานดูแลรักษารถราชการที่ใช้งานไม่ให้มีการปล่อยควันดำ โดยกระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างเต็มที่ และให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมรายงานผลการปฏิบัติงานทุกๆ 15 วัน คือวันที่ 15 และ 30 ของทุกเดือน เพื่อให้ปัญหามลพิษจากการจราจรและขนส่งลดลงและบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีอากาศที่บริสุทธิ์ พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนในการบำรุงรักษารถของตนเองให้มีค่ามลพิษไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร ได้มีการประชุมเพื่อจัดทำนโยบายและมาตรการเพื่อป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่ง เมื่อวันที่ 10 พ.ย.66 เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ภายใต้การบูรณาการร่วมกันจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยยังมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

รวบ ผอ.กองช่าง เรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก

ปทุมธานี 11 ก.ย. – หลักฐานคาโต๊ะ! ป.ป.ช. สนธิกำลังตำรวจ บุกจับ ผอ.กองช่างเทศบาลหลักหก จ.ปทุมธานี คาห้องทำงาน พร้อมเงินสดของกลาง 1.9 แสนบาท หลังเรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก 8 ชั้น ด้านเจ้าตัวปฏิเสธ อ้างผู้เสียหายนำมาให้เอง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 1 นำโดย น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1 วางแผนร่วมกับชุดสืบสวนสำนักงาน ป.ป.ช. และตำรวจสืบสวนภูธรภาค นำหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เข้าตรวจค้น พร้อมจับกุมนายวีระเชษฐ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลหลักหก จ.ปทุมธานี ภายในห้องทำงาน เทศบาลตำบลหลักหก หลังมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ขออนุญาตถมดินและขออนุญาตก่อสร้างอาคาร พร้อมตรวจยึดเงินของกลาง ซุกซ่อนอยู่ที่พื้นใต้ลิ้นชักโต๊ะทำงาน 190,000 บาท เบื้องต้นจากการตรวจหมายเลขธนบัตร ตรงกับสำเนาธนบัตรที่ผู้เสียหายนำไปมอบให้กับนายวีระเชษฐ์ ก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายสำเนาและลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐาน […]

ปิดล้อมไล่ล่าผู้ก่อเหตุ หลังปะทะเดือดสะบ้าย้อย 2 ระลอก

สงขลา 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง วางกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก พบผู้ก่อเหตุมีหมายจับคดีความมั่นคง หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ วางกำลังบนถนนเส้นทางเข้าออกพื้นที่ปะทะ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเขตปะทะอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ยังคงมีการปิดล้อมบริเวณเนินเขา เพื่อไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดและกระเป๋าเป้ถูกทิ้งไว้บนเนินเขา บริเวณจุดปะทะ คาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีข้อมูลว่า เป็นกลุ่มของนายกอเซ็ง ลาเตะยามา อายุ 35 ปี ชาว อ.ยะหา จ.ยะลา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งมีหมายจับ 7 หมาย และนายฮุสนี ยีกะเส็ม อายุ 34 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา มีหมายจับ […]

กักสิงโตสวนสัตว์ดัง-ปรับพฤติกรรม

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโตสวนสัตว์ดัง เพื่อปรับพฤติกรรม แยกเพศ-เฝ้าสังเกตใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่สวนสัตว์ดัง ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์เสียชีวิต โดยได้สั่งการให้กักสิงโตทั้งหมดในฝูงที่ก่อเหตุไว้ในกรงชั่วคราว แยกสิงโตเพศผู้และเพศเมีย เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในระยะใกล้ สำหรับสิงโตที่เข้าตะปบเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต เป็นตัวผู้ โดยสิงโตร่วมฝูงมี 7 ตัว แต่ที่เข้ารุมกัดเจ้าหน้าที่มี 5 ตัว ได้แก่ 1) ทรัมป์ (เพศผู้) ตัวตะปบ 2) ไบท์ (เพศผู้) ตัวตาม 3) อ้อน (เพศเมีย) ตัวตาม 4) อ้าย (เพศเมีย) ตัวตาม 5) ยาว (เพศเมีย) ตัวตาม ทั้งนี้ สิงโตทุกตัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมกันนี้ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้เปิดส่วนจัดแสดงสัตว์ดุร้าย […]