จับตารถบรรทุกขนดินเกินครึ่งกระบะส่อน้ำหนักเกิน

กรุงเทพฯ 9 พ.ย. – กทม. ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถกปัญหาจากการก่อสร้างบนผิวจราจร ขอทุกฝ่ายร่วมจับตารถบรรทุกขนดินเกินครึ่งกระบะ ส่อน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด


(9 พ.ย. 66) นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาจากการก่อสร้างบนผิวจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) โดยมี ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักการโยธา สำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบนผิวจราจร ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การประปานครหลวง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ร่วมประชุม

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้กรุงเทพมหานครได้เชิญหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบนผิวจราจรประชุมร่วมกัน เพื่อหารือถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยเหตุแรกเป็นของสำนักการระบายน้ำซึ่งเกิดฝาบ่อหัก ส่วนเหตุที่สองเป็นของการไฟฟ้านครหลวงนั้น ฝาบ่อแข็งแรงดี แต่โครงสร้างของฝาบ่อทรุดไป ซึ่งคาดว่าเกิดจากน้ำหนักรถบรรทุกที่มากเกินไป


“ในที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกันในเรื่องของมาตรการควบคุมน้ำหนักรถบรรทุก โดยขอความร่วมมือทุกหน่วยงานใช้วิธีการสังเกตในเบื้องต้น ดังนี้ รถเปล่า 1 คัน จะมีน้ำหนักประมาณ 10-11 ตัน ตามกฎหมายรถบรรทุกจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 25 ตัน ดังนั้น รถจะสามารถบรรทุกได้อีกประมาณ 14-15 ตัน ในส่วนของดิน โดยทั่วไปแล้ว จำนวนดิน 1 คิวบิกเมตร (คิว) หรือ 1 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จะหนักประมาณ 1.5 ตัน รถบรรทุกจะต้องบรรทุกดินไม่เกิน 10 ลบ.ม. จึงจะไม่เกิน 15 ตัน ซึ่งจากขนาดของกระบะรถบรรทุกแล้ว ดินที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของกระบะจะไม่เกินน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานในการกำกับดูแลผู้รับเหมาอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ก่อสร้างที่ตนเองรับผิดชอบและขอให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

พร้อมกล่าวต่อไปว่า เรื่องที่สองที่ได้หารือคือเรื่องของโครงสร้างชั่วคราว ซึ่งโดยปกติได้มีการออกแบบให้มีการรองรับน้ำหนักรถบรรทุกปกติที่บวก Safety Factor และ Impact Factor แล้ว แต่ก็ไม่สามารถรองรับน้ำหนักของรถบรรทุกที่บรรทุกเกินเยอะ ๆ ได้ จึงให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูว่าเราจะสามารถยกระดับโครงสร้างชั่วคราวให้มีความแข็งแรงคงทนมากขึ้นได้อย่างไร โดยไปตรวจสอบและปรับปรุงให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ การบรรทุกน้ำหนักเกินอาจไม่ได้ทำให้เกิดการถล่มในทันที แต่ทำให้อายุการใช้งานถนนหรือสะพานสั้นลง ฉะนั้น ต้องควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกเพื่อยืดอายุการใช้งานของถนนหรือสะพานให้สามารถใช้งานได้ตามอายุการใช้งานที่ได้มีการออกแบบไว้


เรื่องที่สามคือการคืนสภาพผิวจราจรให้เรียบขึ้น โดยทางการไฟฟ้านครหลวงได้มีการปรับฝาบ่อให้เรียบกับพื้นถนนซึ่งได้ดำเนินการแล้วหลายพื้นที่ และเรื่องสุดท้าย จากกรณีที่เคยเกิดเหตุดินทรุดตัวในบางจุด จะสังเกตได้ว่าส่วนที่ยุบจะเป็นบริเวณหน้าบ่อที่มีการดันท่อ จึงได้มีการหารือถึงวิธีการป้องกัน คือ ปรับกระบวนการก่อสร้างให้รัดกุมขึ้น แต่อีกปัญหาหนึ่งคือการดำเนินการดันท่อมักจะไม่จบภายในคืนเดียว เนื่องจากระยะเวลาในการดำเนินการค่อนข้างสั้น อยู่ที่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงต่อคืน เพราะตามปกติจะมีการก่อสร้างในเวลา 22.00 – 05.00 น. เท่านั้น เมื่อเข้าพื้นที่ไปเตรียมสถานที่ จะได้เริ่มงานจริง ๆ ในเวลาประมาณเที่ยงคืน และเมื่อถึงเวลาประมาณ 04.00 น. ก็จะต้องเร่งคืนพื้นที่แล้ว จึงมีการคุยกันว่า กทม.จะเพิ่มเวลาการก่อสร้างบ่อบนถนนในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยทางการไฟฟ้านครหลวงและผู้รับจ้างจะต้องไปคุยกับทางตำรวจด้วย เนื่องจากเป็นผู้ดูแลในเรื่องของการจราจร

นอกจากนี้ กทม. จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสั่งห้ามรถบรรทุกวิ่งผ่านจุดที่มีฝาบ่อของสำนักการระบายน้ำ อาทิ บริเวณถนนศรีอยุธยา สน.พญาไท ราชปรารภ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุถนนทรุดอีก และเพื่อปรับฝาบ่อให้มีความแข็งแรงมากขึ้น รวมถึงจะห้ามรถบรรทุกขึ้นสะพานข้ามแยกที่มีอายุการใช้งานมานาน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุและเป็นการยืดอายุการใช้งานของสะพานด้วย

นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA กล่าวว่า ในวันนี้ทาง MEA ได้เรียกประชุมหน่วยงานรับจ้างรับทราบข้อสั่งการ โดยได้สั่งการให้เร่งปรับปรุงฝาบ่อให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อลดจำนวนฝาบ่อและลดรอยต่อระหว่างฝาบ่อ พร้อมให้เพิ่มความแข็งแรง ทนทาน และจะต้องมีความเรียบเสมอกับผิวการจราจร เพื่อความปลอยภัยของประชาชน ทั้งนี้ MEA ได้ดำเนินการปรับปรุงฝาบ่อมาตั้งแต่ปี 2565 และจากนี้จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในต้นปีหน้าหรือช่วงไตรมาสแรกของปี 2567

สำหรับปัจจุบันมีโครงการบ่อพักสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ รวม 617 บ่อพัก ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่เคยประสบปัญหา เนื่องจากมีรายละเอียดทางวิศวกรรมที่ถูกต้องและมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ บ่อที่เกิดเหตุเป็นบ่อแบบ Type-O ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด และสามารถรับน้ำหนักได้เกิน 28 ตัน โดยจากการเปิดหน้างานในระยะที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดปัญหาอะไร ยืนยันว่าทางผู้รับจ้างได้ออกแบบให้รองรับน้ำหนักบรรทุกได้ไม่น้อยกว่า 28 ตัน อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจของประชาชน MEA จะพิจารณาในการเสริมโครงสร้างความแข็งแรงเพิ่มเติมในทุกโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงโครงการในอนาคตด้วย เช่น การปรับรูปแบบคานใช้ระบบคานคู่ หรือการเพิ่มขนาดของเหล็ก โดยการออกแบบเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติมนี้จะพิจารณาตามความเหมาะสมของบ่อแต่ละ Type ซึ่งโครงการของ MEA มีบ่อทั้งหมด 4 Type ได้แก่ Type-A Type-L Type-T และ Type-O

ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้รับจ้างของ MEA ได้มีการเข้าแจ้งความกับ สน.พระโขนง ไว้แล้ว และในคืนนี้ MEA จะทำการเปิดฝาบ่อดังกล่าวและเก็บกู้ซากคานที่หักขึ้นมาวิเคราะห์ตรวจสอบลักษณะของเหล็ก เพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว

“ขอขอบคุณ กทม. ที่เข้าใจการก่อสร้างของ MEA เชื่อว่าถ้ามีโอกาสได้ทำงานในช่วงวันหยุด จะทำให้การก่อสร้างแล้วเสร็จเร็วขึ้น และประชาชนจะได้รับผลกระทบน้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบด้วยว่าต่อไปเราจะขอทำงานในช่วงวันหยุดด้วย” รองผู้ว่าการ MEA กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย