“เอกภพ” เห็นด้วยนำร่องนโยบายเปิดผับยันสว่างในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว

กรุงเทพฯ 4 พ.ย. – “เอกภพ” เห็นด้วยนำร่องนโยบายเปิดผับยันสว่างในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว เชื่อช่วยตัดช่องทางการจ่ายส่วยเจ้าหน้าที่รัฐได้ และส่งเสริมการท่องเที่ยว


นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเข้าไปเที่ยวดื่มกินในผับแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเช้ามืดวันพุธที่ผ่านมา และถูกตำรวจบุกตรวจค้นและจับกุม เนื่องจากเปิดเกินเวลา

สำหรับกรณีนี้หากเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งเข้าไปดื่มกินในผับที่เปิดเกินเวลาไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่กรณีนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ปฏิบัติและดำเนินการตามกฎหมาย มีหน้าที่ดำเนินการจับกุมสถานบริการที่กระทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อละเว้นไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ก็มีความผิดตามกฎหมาย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องตอบคำถามสังคมและชี้แจงให้ได้ เพราะอย่าลืมว่าเวลาเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเข้าจับกุมสถานบันเทิงที่ผิดกฎหมาย ตำรวจท้องที่ต้องรับผิดชอบด้วย ดังนั้น ในกรณีนี้เมื่อเจ้าหน้าที่กรมการปกครองซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่กระทำการจับกุมสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ซึ่งผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี ผิดต้องว่ากันไปตามผิด


ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายเปิดผับ เปิดสถานบริการ ให้เปิดได้ยันสว่าง ในพื้นที่ 5 จังหวัดท่องเที่ยง ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะในจังหวัดท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาต้องการเข้าไปท่องเที่ยวพักผ่อนและหาความบันเทิง การเปิดผับจนถึงเวลาดังกล่าวจะเป็นการให้บริการนักท่องเที่ยว เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว ที่สำคัญมองว่าการเปิดผับดังกล่าวเป็นการตัดช่องว่างการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย