กทม.สั่งหยุด 2 เครื่องเล่นในสวนสนุกใต้สะพานพระราม 8

27 ต.ค. – รองผู้ว่าฯ กทม. สั่งหยุด 2 เครื่องเล่น “ปลาหมึกยักษ์” และ “ผึ้งบิน” ในสวนสนุกใต้สะพานพระราม 8 ด้านผู้จัดเผยนำเข้าเครื่องเล่นจากอิตาลี แต่ยอมรับว่าการซ่อมแซมไม่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม พร้อมรับผิดชอบทุกกรณี


นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนางสาวอารียา เพ็งประเสริฐ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด ลงพื้นที่ตรวจสอบสวนสนุกงาน Siam Canival fun fair 2023 ใต้สะพานพระราม 8 หลังเกิดอุบัติเหตุ เครื่องเล่นปลาหมึกยักษ์พัง ทำให้มีผู้รับบาดเจ็บ 4 คน เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น โดยพบว่า เบื้องต้น ตรวจสอบเครื่องเล่นที่เรียกว่า “ปลาหมึกใหญ่” พบจุดที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้คือเดือยที่เชื่อมแขนของเครื่องเล่นที่ ลักษณะเป็นที่นั่ง 4 ตัว เกิดหลุด เนื่องจากไม่มีน๊อตยึด แต่เป็นการเชื่อมแทน ทำให้ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนัก ประกอบกับแรงเหวี่ยง แต่หลังจากนี้จะต้องให้ทางสภาวิศรกรฯ ลงพื้นที่มาตรวจสอบในเรื่องของโครงสร้างและกลไกอีกครั้ง เนื่องจากในเครื่องเล่นตัวนี้ยังมีร่องรอยการเชื่อมอีกบางจุด ที่ไม่สอดคล้องกับคู่มือทางหลักวิศวกรรม และยังพบว่ามีการซ่อมแซมมาโดยตลอด

นอกจากนี้ยังตรวจสอบเครื่องเล่นตัวอื่น เพราะโดยเฉพาะเครื่องเล่นที่เรียกว่า “ผึ้งบิน” ที่ตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตาเปล่าพบว่ามี 2-3 จุด ที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย แต่ต้องรอทางสภาวิศวกรฯ มาตรวจสอบพร้อมใช้คู่มือมาร่วมตรวจเช็คอย่างละเอียด จึงให้ทางเขตออกประกาศงดเล่นเครื่องเล่นทั้ง 2 ชนิดนี้ไปก่อน ส่วนเครื่องเล่นอื่นๆ อีก 9 รายการ อาทิ ชิงช้าสวรรค์/ไวกิ้ง ยังคงเปิดให้บริการตามปกติแต่ต้องมีการตรวจเช็คและรายงานมายังสำนักงานเขตบางพลัดก่อน จนกว่าจะสิ้นสุดการขอใช้พื้นที่จัดงานในวันที่ 31 ตุลาคม


ด้านนางสาวอารียา เพ็งประเสริฐ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กล่าวยืนยันว่าการขออนุญาตใช้พื้นที่จัดสวนสนุกกลางแจ้งใต้สะพานพระราม 8 เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตาม พ.ร.บ.เครื่องเล่น ที่ขออนุญาตติดตั้งครั้งนี้ 11 ตัว ซึ่งตามขั้นตอนก่อนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการจะต้องมีการเปิดเครื่องทดสอบและทำรายงานไปถึงเขตทุกวัน เพื่อเป็นการตรวจเช็คสภาพให้เกิดความสมบูรณ์และปลอดภัย

ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บจากการตรวจสอบพบว่าผู้เช่าเครื่องเล่นมาเปิดให้บริการ กับบริษัทเครื่องเล่นเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งการเยียวยารับผิดชอบจะเป็นหน้าที่ของผู้เช่าสถานที่จัดงาน เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน รักษาตัวที่โรงบาลศิริราช 1 คน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 คน พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา โดยตนจะเดินทางไปเยี่ยมในวันนี้

ด้านนายสมชาย ไชยดี ผู้จัดการและผู้เช่าสถานที่เปิดให้บริการสวนสนุก ยอมรับว่า จุดที่เกิดอุบัติเหตุมีการซ่อมแซมเครื่องเล่นจริง และการซ่อม เป็นการเชื่อมเหล็กตามที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ยอมรับว่าไม่เป็นไปตามขั้นตอนของหลักวิศรกรรม แต่ยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่เปิดให้บริการสวนสนุกกลางแจ้งไปตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้ขึ้น แต่ทั้งหมดต้องรอให้วิศวกรของบริษัทเครื่องเล่นที่มีหน้าที่ตรวจเช็คสภาพเครื่องเล่นมาตรวจสอบอีกครั้ง แต่ในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้จัดการก็ยินดีที่จะรับผิดชอบผู้บาดเจ็บ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งนี้ ยอมรับว่าเครื่องเล่น 2 ตัว ทั้งปลาหมึกและผึ้งบินเป็นเครื่องเล่นไฮไลท์ของสวนสนุกแห่งนี้อาจจะทำให้จำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการอาจจะลดลงหลังเหตุการณ์นี้ แต่ทางสวนสนุกขอยืนยันว่าเครื่องเล่นอื่น ๆ ที่เหลืออีก 9 รายการ ขอให้เชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะมีความปลอดภัย


สำหรับเครื่องเล่นดังกล่าวที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นครั้งนี้ ทางบริษัทได้มีการสั่งนำเข้ามาจากประเทศอิตาลี 2 เครื่อง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ที่มีการเปิดบริการทั่วประเทศ โดยเครื่องหนึ่งจะเล่นทั่วประเทศไม่เกิน 5 ครั้ง เนื่องจากบริษัทสวนสนุกของตัวเองเป็นบริษัทที่มีเครื่องเล่นขนาดใหญ่หลายตัวการเคลื่อนย้ายจะค่อนข้างลำบาก

ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดีนั้น พ.ต.อ.จารุวัตร สิงหศรีชัย ผู้กำกับการ สถานีตำรวจบางยี่ขัน เปิดเผยว่าขณะนี้ได้ให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย ไปพบแพทย์และขอใบรับรองแพทย์ เพื่อมาประกอบสำนวน และจะนัดหมายฝั่งคนเจ็บและฝั่งผู้ดูแลเครื่องเล่น เข้ามาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และในขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่บาดเจ็บ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบข้าวของพังเสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มแต่อย่างใด ส่วนใครที่มีความประสงค์จะเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมนั้นก็ให้มาได้ที่ สน.บางยี่ขัน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย