กรุงเทพฯ 16 ต.ค. – ปลัดแรงงาน เตรียมเข้าหารือทูตอิสราเอล กรณีนายจ้างไม่ยอมให้แรงงานไทยกลับประเทศ พร้อมเปิด 4 แผนเยียวยา
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมอธิบดีทุกกรม มอบหมายภารกิจให้เร่งช่วยเหลือเยียวยาแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามในอิสราเอล ให้มีงาน มีรายได้ เช่น ประสานธนาคารให้ปล่อยเงินกู้โดยปลอดดอกเบี้ย ประสานนายจ้างหรือสถานประกอบการให้รับแรงงานเหล่านี้เข้าไปทำงานเป็นกรณีพิเศษ ให้กลุ่มพัฒนาอาชีพต่างๆ เข้ามาช่วยพัฒนาอาชีพให้แรงงานมีงานมีอาชีพต่อไป
ส่วนแรงงานไทยที่จะเดินทางกลับมาอีกกว่า 30 เที่ยวบิน จะมีผู้บริหารแต่ละกรมคอยสับเปลี่ยนไปรับและให้คำแนะนำเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือ และการหางานทำ
วาง 4 แนวทางดูแลแรงงานไทยจากผลกระทบอิสราเอล
สำหรับแผนดูแลแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นมี 4 แนวทาง คือ 1. เยียวยาให้กับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ และอยู่ในความคุ้มครอง 2. หางานใหม่ให้ทั้งในและต่างประเทศ 3. ฝึกทักษะฝีมือ รองรับอาชีพใหม่ และ 4. ดูแลสิทธิประโยชน์ และค่าจ้างค้างจ่าย
โดยข้อแรก การเยียวยาให้แรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ และอยู่ในความคุ้มครอง จะได้รับเงินทันที 15,000 บาท เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย ตามสิทธิประโยชน์เงินสงเคราะห์กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม โดยจะได้รับภายใน 3 วัน หลังไปยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดตามภูมิลำเนา ย้ำประเด็นที่ยังมีความเข้าใจว่า ถ้าทำงานเลยกำหนด 5 ปี 3 เดือนแล้วจะไม่สามารถเบิกเงินช่วยเหลือจากกองทุนนี้ได้นั้น เป็นความเข้าใจผิด แรงงานยังสามารถเบิกเงินช่วยเหลือ 15,000 บาทได้ เนื่องจากมีระยะเวลาครอบคลุมถึง 7 ปี
เอกสารที่ต้องเตรียมไป สำเนาบัตรสมาชิกกองทุนฯ (ถ้ามี) สำเนาหนังสือเดินทาง (ทุกหน้าที่มีข้อมูลและมีตราประทับ ถ้าไม่ได้ประทับตราวันที่กลับเข้าไทย ให้แนบสำเนาบัตรโดยสารเครื่องบินวันที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทย), สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบอนุญาตทำงาน หรือสำเนาบัตรวีซ่าทำงาน สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำร้อง (ธนาคารใดก็ได้ พร้อมกรอกแบบฟอร์ม KTB Corporate Online) ฯลฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน
2. การหางานใหม่ให้ทั้งในและต่างประเทศ กรณีประสงค์อยากกลับไปอีก จะประสานให้เมื่อเหตุการณ์สงบ โดยไปในสัญญาเดิม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใหม่ หากไม่ต้องการกลับไปแล้ว จะช่วยหางานภาคเกษตรที่ประเทศอื่นๆ ให้ เช่น เกาหลี ออสเตรเลีย ส่วนผู้ที่อยากทำงานในไทย ให้แจ้งที่กรมการจัดหางาน 3. ฝึกทักษะฝีมือ รองรับอาชีพใหม่ ให้ติดต่อสถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานที่ตั้งอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และ 4. ดูแลสิทธิประโยชน์ และค่าจ้างค้างจ่าย อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล อยู่ระหว่างประสานนายจ้างแล้ว เพื่อดำเนินการจ่ายส่วนที่ยังค้างจ่าย
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำหรับการอพยพแรงงานที่แจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศไทยกว่า 7,500 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ 5 คน ไปช่วยภารกิจอพยพแรงงานกลับไทย และเตรียมส่งไปเพิ่มอีก 5 คน เพื่อให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว พร้อมรวบรวมข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มไปช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลด้วย ซึ่งจะส่งไปกับเครื่องบินของกองทัพอากาศ ที่จะออกเดินทาง 18 ต.ค.นี้
ส่วนกรณีนายจ้างที่อิสราเอลไม่ยอมให้แรงงานไทยเดินทางกลับประเทศ เพราะกลัวจะไม่มีแรงงานทำงานในภาคเกษตร ทำให้เสียรายได้ พรุ่งนี้ (17 ต.ค.66) ตนจะเข้าไปหารือเรื่องนี้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเป็นการด่วน เพื่อขอให้ทางการอิสราเอลกำชับไปยังนายจ้าง. – สำนักข่าวไทย