กต.ประสาน 3 สายการบิน ช่วยอพยพคนไทย ตั้งเป้าวันละ 400 คน

กทม. 13 ต.ค.- กต.เตรียมส่งแรงงานไทย 100 คนกลับจากอิสราเอล 14 ต.ค. ถึงไทย 15 ต.ค. ที่อู่ตะเภา ประสาน 3 สายการบิน ช่วยอพยพคนไทยกลับ ตั้งเป้าให้ได้วันละ 400 คน


นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ระบุว่า เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเดินทางมาประชุม ย้ำเรื่องภารกิจการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลให้ถือเป็นภารกิจหลักของชาติที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ขณะนี้ มีคนไทยในอิสราเอลลงทะเบียน แสดงความประสงค์อยากกลับไทย 6,778 ราย และมี 85 คนที่แสดงความประสงค์อยากอยู่ในอิสราเอลต่อ ซึ่งผู้ที่มีความประสงค์อยากจะเดินทางกลับ ทางสถานทูตไทยในอิสราเอล ได้จัดศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับคนไทยโดยจองโรงแรมแดน-พาโนราม่า เทลอาวีฟ(Dan Panorama Tel -Aviv ) จำนวน 100 ห้อง พักรอระหว่างรอเที่ยวบินกลับ

ส่วนความคืบหน้าของคนไทยที่อยู่ในพื้นที่อิสราเอล ข้อมูลล่าสุดขณะนี้ มีผู้เสียชีวิต 21 คน บาดเจ็บ 14 ราย และผู้ที่คาดว่าถูกจับตัวไป 16 ราย ซึ่งในกรณีของผู้ที่ถูกจับตัวไป เมื่อช่วงเช้า กต.ได้เชิญทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย มาพูดคุยหารือในเรื่องนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำถึงท่านทูตว่าขอให้ทางการอิสราเอลรีบเจรจาเพื่อที่จะนำตัวคนไทยออกมาจากพื้นที่จับกุมให้ได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลเป็นกลุ่มแรงงานที่ไม่ได้มีความขัดแย้งหรือเป็นคู่ขัดแย้งกับทางด้านของปาเลสไตน์


โดยเวลานี้ทางการอิสราเอลได้อพยพชาวต่างประเทศที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่างฉนวนกาซ่าออกมาจากพื้นที่ได้แล้ว 99% ส่วนที่เหลือตอนนี้สถานทูตทั้งไทยและอิสราเอลได้มีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะนำคนไทยที่เหลือออกมาจากพื้นที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ฉนวนกาซา ณ เวลานี้ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง มีการโจมตีด้วยจรวดและอาวุธสงคราม หลังจากนี้คาดว่าน่าจะมีปะทะกันอีกอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวานนี้สถานทูตอิสราเอล รายงานว่าพบแรงงานไทยจำนวน 2 รายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ติดชายแดนฉนวนกาซา ซึ่งทั้งสองรายได้รับการช่วยเหลือ นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งถ้าหากทั้งสองคนอาการดีขึ้นและมีความประสงค์อยากจะเดินทางกลับประเทศไทย ทางสถานทูตเตรียมที่จะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

ส่วนในวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จะจัดเที่ยวบินอพยพคนไทยครั้งที่ 3 นำแรงงานจำนวน 100 คนกลับประเทศไทย โดยสายการบิน Fly Dubai เที่ยวบิน FZ1550 ออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 14 ตุลาคมเวลา 11.00 น. เปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบ เพื่อโดยสารต่อโดยเที่ยวบิน FZ1837 ออกจากนครดูไบ เวลา 20.00 น. และถึงไทยในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 07.25 น. เครื่องจะลงที่สนามบินอู่ตะเภาแล้ว จะมีรถบัสรับจากอู่ตะเภาไปยังโรงแรม SC Park เพื่อให้ญาติพี่น้องรับกลับภูมิลำเนา โดยญาติพี่น้องของคนไทย 100 คน สามารถมาพบญาติที่เดินทางกลับไทยโดยเที่ยวบินดังกล่าว ที่ รร. SC Park ประมาณ 10.00 น. เป็นต้นไป


ส่วนในวันที่ 16 ตุลาคม สายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์จะมีการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อนำคนไทยในอิสราเอลกลับประเทศ โดยที่นั่งที่ประเมินไว้อยู่ที่ประมาณ 250 คน รายละเอียดตอนนี้รอการยืนยันอีครั้ง

ขณะที่เช้าวันนี้ได้มีการหารือกับสายการบินพาณิชย์ ประกอบด้วย การบินไทย นกแอร์ และแอร์เอเชีย เพื่อสนับสนุนภารกิจในการอพยพพี่น้องประชาชนคนไทยในอิสราเอลกลับมา ตั้งเป้าจากทุกช่องทางอพยพคนไทยให้ได้วันละ 400 คน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อม โดยในรายละเอียดจะมีการแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง ส่วนความพร้อมของเส้นทางการบิน เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) ได้มีการพูดคุยไว้ว่าอาจจะมีการลำเลียงคนไทยจากอิสราเอลไปรอที่จอร์แดนแล้วอาจจะให้สายการบินไทย ไปรับกลับมายังประเทศไทย แต่รายละเอียดความชัดเจนเวลานี้ต้องรอการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายอีกครั้ง ส่วนจะรวมกับเครื่องบินของกองทัพอากาศด้วยหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องดูความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนตามหน้างานเป็นหลัก

ส่วนระยะเวลาในการที่จะวางแผนไว้ว่าจะขนคนออกมาให้หมดตามที่ลงทะเบียนไว้ เรื่องนี้ตอบค่อนข้างยากแม้ว่าความคาดหวังที่จะขนคนไทยกลับมาวันละ 400 คนแต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ อาจจะมีปัจจัยอื่นๆ และทำให้มีการเปลี่ยนใจในภายหลังด้วย แต่ยืนยันว่าจะขนคนไทยกลับมายังประเทศไทยให้ได้เร็วที่สุดและมากที่สุด

ทั้งนี้ความต้องการแรกของกระทรวงต่างประเทศ คือ การอพยพคนไทยด้วยกันบินตรงจากอิสราเอลสู่ไทย แต่ถ้าหากไม่สามารถ ก็ได้มีการประสานติดต่อกับประเทศอื่นๆ เพื่อจะนำคนไทยไปพักรอเที่ยวบินที่จะกลับมารับเบื้องต้น ตอนนี้ก็จะมีอียิปต์ จอร์แดน และดูไบ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นในโลกออนไลน์ที่มีการพูดถึงว่ามีนายจ้างชาวอิสราเอลยังคงบังคับให้คนไทยออกไปทำงานอยู่ในช่วงภาวะสงคราม ได้มีการประสานกับทางสถานทูตอิสราเอล พบว่าเป็นความเข้าใจผิด เป็นการย้ายพื้นที่ทำงานไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่ใช่เป็นการบังคับขู่เข็ญให้ออกไปทำงาน ซึ่งได้ประสานไปยังนายจ้างและลูกจ้างที่เป็นคนไทยให้เข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนอีกความกังวลของบรรดาญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะญาติของผู้ที่เสียชีวิต มีความกังวลเรื่องของการพิสูจน์อัตลักษณ์ตอนนี้ได้มีการพูดคุยกับทางการอิสราเอลทราบข้อมูลว่าการพิสูจน์อัตลักษณ์ ณ เวลานี้ค่อนข้างทำได้ยาก เพราะภารกิจหลักที่ทำอยู่ตอนนี้คือการนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาจากพื้นที่ก่อน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]