กรุงเทพฯ 11 ต.ค. – อย.เตือนอย่าหลงเชื่อซื้อยาโอเซลทามิเวียร์ ที่มีการจำหน่ายในราคาแพง อย.เร่งปราบปรามดำเนินคดี เชื่อเป็น “ยาปลอม” ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะที่ รมว.สาธารณสุข ยืนยันยาไม่ขาดแคลน สั่งองค์การเภสัชกรรมเร่งผลิตและกระจายไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้ว
ภายหลังจากที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ได้ออกมาเตือนประชาชนถึงการระบาดหนักของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1, H3N2 และสายพันธุ์ B ที่ระบาดรุนแรงในหลายจังหวัด โดยเร่งให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง และเตรียมขยายอายุการได้รับสิทธิฉีดวัคซีนในเด็ก จากอายุ 6 เดือน – 2 ปี เป็น 5 ปีนั้น ล่าสุดมีประชาชนร้องเรียนมายังกระทรวงสาธารณสุข ถึงประเด็นยาปลอมระบาดหนักในภาคเหนือ โดยเฉพาะยาโอเซลทามิเวียร์ ที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ โดยมีกระแสข่าวว่าขาดแคลนยาดังกล่าวอย่างหนัก ล่าสุด รมว.สาธารณสุข ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข่าวดังกล่าว ทั้งสถานการณ์การขาดแคลนยาโอเซลทามิเวียร์ และปัญหายาปลอมระบาด ยืนยันว่าไม่ได้มีการขาดแคลนยา โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้เร่งการผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ ขนาด 30 และ 45 มิลลิกรัม ได้อย่างเพียงพอ และกระจายไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้ว ส่วนยาโอเซลทามิเวียร์ ขนาด 75 มิลลิกรัม คาดว่าจะสามารถผลิตได้อย่างเพียงพอภายในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นทางเลือกในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนประเด็นยาปลอมที่มีการร้องเรียนว่าระบาดหนักในภาคเหนือ มีการขายในราคาแพงนั้น นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย แต่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่ง อย.ได้สืบหาข้อมูลและเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการปราบปราม รวมถึงดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยยาโอเซลทามิเวียร์ที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ขณะนี้มียี่ห้อทามิฟลู (TAMIFLU) ขนาด 75 มิลลิกรัม ของบริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด และยาจีพีโอ-เอ-ฟลู (GPO A-FLU) ขนาด 30, 45 และ 75 มิลลิกรัม ขององค์การเภสัชกรรม
สำหรับยาโอเซลทามิเวียร์ จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ สามารถใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาจากแพทย์ เพื่อรับยาโอเซลทามิเวียร์ตามแพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรซื้อยาด้วยตนเองตามร้านขายยาหรือช่องทางอื่น ๆ เพราะอาจได้รับยาที่ไม่ปลอดภัย และยังมีราคาแพง ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถสังเกตยาปลอม โดยให้สังเกตเลขทะเบียนยาบนฉลากยา และตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือสายด่วน อย. 1556 ตลอด 24 ชั่วโมง. -สำนักข่าวไทย