บช.สอท. 18 ก.ย.- ผบ.ตร. ร่วม บช.สอท. แถลงรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิเพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหายคดี Hybrid Scam ผลจากปฏิบัติการ Trust No One ขยายผลจับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมยึดอายัดทรัพย์สิน เปิดให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์คืน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าว “การรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิเพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหายคดี Hybrid Scam” ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีการนำทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้ ทั้ง โฉนด อสังหาริมทรัพย์คอนโด บ้านหรู รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม เงินสด และของกลางอื่นอีกหลายรายการ ผลจากปฏิบัติการ Trust No One EP1-5 ซึ่งมีการตรวจค้น 72 จุดทั่วประเทศ สามารถจับผู้ต้องหา ยึดอายัดทรัพย์ นำมาสู่ขั้นตอนที่ผู้เสียหายสามารถยื่นเอกสารขอเฉลี่ยทรัพย์คืน
โดยคดีนี้สืบเนื่องจาก บช.สอท. สืบสวนสอบสวนคดีที่ผู้เสียหายถูกหลอกลงทุน ลักษณะ Hybrid Scam ซึ่งคนร้ายใช้วิธีชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มปลอม BCHGLOBALLTD.com จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มสำหรับเทรดเงินดิจิทัล และยังพบว่าการกระทำผิดมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นอีกหลายพื้นที่ จึงได้ประสานความร่วมมือกับ U.S. Homeland Security Investigations กระทั่งได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงสู่คนร้ายตัวจริงคือนาย เซาเซียน ซู (Mr.Shaoxoan Su) ชาวจีนกับพวก และยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงนอมินีนิติบุคคลสัญชาติไทยที่เชื่อว่าจดทะเบียนเพื่ออำพรางการทำธุรกรรมเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินต่างๆ เพื่อเปลี่ยนสภาพทรัพย์ที่เกี่ยวกับการทำผิด ภายใต้ปฏิบัติการ Trust No One Ep.1-5 ตรวจค้นกว่า 72 จุดทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีนได้ 3 ราย ตรวจยึดอายัดทรัพย์ต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในคดีนี้ได้ร่วมทำการสอบสวนกับพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุดและส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด จนอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในความผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และความผิดฐานฟอกเงิน เมื่อเดือนสิงหาคม 66 ที่ผ่านมา
ต่อมาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดไว้ชั่วคราว โดยยึดทรัพย์สินไว้ 15 รายการ รวมราคาประมาณ 600 ล้านบาท และได้ลงประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการทำผิดมูลฐานรายคดีนายเซาเซียน ซู กับพวก มายื่นเอกสารเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์คืน ตามประกาศได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2566 ถึง 13 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ยังคงมีทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดไว้อีกหลายรายการประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งได้รวบรวมส่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพื่อนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันของหน่วยต่างๆ บูรณาการสืบสวน จับกุมผู้กระทำผิด จนสามารถจับกุมตัวการสำคัญในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติครั้งนี้ โดยปฏิบัติการครั้งนี้มีความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ความเสียหายของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการกระทำผิด กฎหมายลดลง
จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศในรอบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 12 กันยายน 2566 รวมแล้วกว่า 326,992 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 45,245 ล้านบาท โดยเป็นคดีการแจ้งความร้องทุกข์ในคดีหลอกให้ลงทุนลักษณะ Hybrid Scam หลอกให้เชื่อใจไว้ใจแล้วชักชวนลงทุนทั้งหมด 3,280 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,700 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย